drabble: oh sehun centric, pg-13
about lisping and physical contact
โอเซฮุนไม่เคยคิดมาก่อนว่าอยากเป็นดารา ตัวเขาเองร้องเพลงก็ไม่เก่ง แถมยังขี้อาย เรื่องเต้นนี่ยิ่งไม่เคยไปกันใหญ่ แต่วันหนึ่งเมื่อเขาถูกแมวมองทาบทาม บางสิ่งบางอย่างกระซิบบอกเซฮุนมาตามสายลมอุ่นในฤดูร้อนว่า
สิ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของโอเซฮุนไปตลอดกาล
การเข้ามาเป็นเด็กฝึกทำให้เซฮุนได้เรียนอะไรเพิ่มอีกหลายอย่าง เขาแทบไม่เคยรู้ว่าตัวเองเต้นได้แม้มันยังไม่ดีเท่าไหร่ เขามักจะโดนครูสอนเต้นดุเป็นประจำ แต่ยังไม่เท่าที่เขาโดนครูสอนร้องแร็ปดุ...
ครูสอนร้องเพลงบอกว่าเสียงแบบเซฮุนน่าจะร้องแร็ปได้ เขาจึงถูกจับโยนไปอยู่ในคลาสเรียนร้องแร็ปแบบไม่ได้ตั้งตัว โชคดีที่มีชานยอลกับจงอินอยู่ด้วย ส่วนอีกคนเป็นเด็กฝึกชาวจีนผมยาวตัวสูงที่เซฮุนไม่เคยคุยด้วยมาก่อน
หลังจบคลาสในวันนั้น คุณครูฮงก็เรียกตัวเซฮุนไว้ก่อนกลับบ้าน
“เซฮุนนา... เราต้องไปฝึกเรื่องออกเสียงให้มากกว่านี้นะ โดยเฉพาะเรื่องที่เราพูดไม่ชัดต้องแก้ไข” เซฮุนกัดปากอย่างไม่มั่นใจ เรื่องพูดไม่ชัดนี้เขาเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งเวลาประหม่ายิ่งไปกันใหญ่
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ...อี้ฟานมาช่วยหน่อย” ครูฮงกวักมือเรียกเด็กฝึกชาวจีนคนนั้นที่เก็บกระเป๋าอยู่ให้เดินมาใกล้ๆ
“ครับ?” เสียงทุ้มๆของเขาเท่เอามากๆ... เซฮุนหันไปมองหน้าเขาเต็มๆตาแต่อีกฝ่ายกลับหันหลบ
“ระหว่างที่ครูไม่อยู่อาทิตย์นึงช่วยติวให้เซฮุนทีสิ เรื่องการออกเสียงกับจังหวะการหายใจ” อี้ฟานพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนที่ครูฮงจะตบบ่าทั้งสองคนแล้วเดินออกจากห้องไป
อู๋อี้ฟานหรือคริส (หรือความจริงแล้วยังมีชื่อเดิมก่อนเปลี่ยนอีกแต่เซฮุนจำไม่ได้) เป็นคนที่เซฮุนลงความเห็นว่าน่ากลัว เพราะออร่าอะไรบางอย่างที่เซฮุนบอกไม่ถูกแต่ทำให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกครั้งที่เขาคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ หรือเพราะสายตาที่จับจ้องมาอย่างแรงกล้าจนหลังคอเขาแทบไหม้ มันทำให้เซฮุนรู้สึกกลัวจริงๆ...
ดังนั้นการที่อู๋อี้ฟานมาช่วยติวให้ตั้งหนึ่งสัปดาห์ยิ่งน่ากลัวเข้าไปกันใหญ่
แต่เอาเข้าจริงๆปรากฎว่าอี้ฟานตั้งใจสอนมาก ดุเขาพอๆ กับที่ครูฮงเคยดุแถมยังเสียงดังกว่าด้วย อี้ชิงเคยเข้ามาเยี่ยมระหว่างที่เขาเรียนอยู่ครั้งหนึ่ง ถึงกับออกปากว่า อี้ฟานทำไมดุน้องจัง
วันที่สี่ของการเรียน อี้ฟานถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
“ปัญหาของเซฮุนอยู่ที่ความไม่มั่นใจในการพูดนะ ...นี่ตอนเด็กๆเคยมีคนล้อเรื่องพูดไม่ชัดรึเปล่า?”
เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ “อ่า... ก็มีบ้างครับ”
“ถึงได้พูดเสียงเบาๆ เพราะกลัวคนจะล้อจนติดเป็นนิสัยสินะ” เซฮุนอ้าปากค้างมองคนที่วิเคราะห์เจาะลึกเขาเหมือนไปนั่งอยู่กลางใจยังไงยังงั้น เซฮุนก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำอยู่ตรงชายเสื้อ แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เริ่มแห้งอย่างไม่รู้ตัว
“...จะแก้ยังไงดีล่ะ หืม?” จู่ๆอี้ฟานก็ลุกจากเก้าอี้ตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าเซฮุน เขาเงยหน้าขึ้นจังหวะเดียวกับที่อี้ฟานก้มหน้าลงมาพอดี
...ใกล้เกินไปแล้วมั้ง
“วิธีลดความประหม่าคือต้องกล้าพูดกล้าคุยกับคนอื่นให้มากๆ ต้องสนิทสนมกันมากกว่านี้...”
“...คือ? มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ...”
มือใหญ่ทั้งสองข้างของคนโตกว่าเอื้อมไปท้าวกับพนักเก้าอี้ด้านหลังของเซฮุน เขานั่งตัวแข็งอยู่ระหว่างเก้าอี้กับร่างสูง ที่ใกล้มากจนได้กลิ่นน้ำหอมที่เริ่มจางแล้วของอีกฝ่าย
“เงยหน้าขึ้นมองพี่ แล้วลองพูดสิ”
เซฮุนกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะค่อยเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ทั้งที่ในใจตะโกนว่า มันใกล้เกินไปแล้วนะ!
“เอ่อ...”
สายตาคมวิบวับที่เซฮุนว่ามันน่ากลัวมาก จ้องมองมาในระยะใกล้ทำเอาเซฮุนไปไม่เป็นเลย
“พูดสิ” ยังจะเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกแน่ะ เซฮุนถอยหลังหนีจนตัวแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับเก้าอี้แล้ว
“เอ่อ... พี่อี้ฟาน ช่วยถอยไป...”
จู่ๆ เซฮุนก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มๆ ที่ริมฝีปากตัวเอง กว่าจะรู้ตัวว่าโดนทำอะไรอีกฝ่ายก็สอดลิ้นเข้ามาอย่างเอาแต่ใจแล้ว เซฮุนส่งเสียงประท้วงในลำคอ มือเล็กก็พยายามดึงคอเสื้ออีกฝ่ายจนอี้ฟานถอนจูบออกมา
เซฮุนหอบหายใจก่อนจะส่งสายตาเป็นคำถามไปให้อี้ฟานที่กำลังยิ้ม... ยิ้มอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ขอโทษทีนะ อาจจะข้ามขั้นไปหน่อย...”
คนอายุมากกว่าเปิดปากพูด นิ้วเรียวยาวอุ่นๆ ลากผ่านแก้มของเซฮุนเล่นอย่างอ้อยอิ่ง
“พอดีลืมบอกไปว่า...พี่ชอบเซฮุนน่ะ”
“มันไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องการออกเสียงตรงไหนเลยนี่ครับ”