drabble: kris/sehun, pg-13
93 million miles from the sun
ในชีวิตอู๋อี้ฟานไม่เคยต้องวิ่งตามใครขนาดนี้มาก่อน วิ่งตามในที่นี้หมายถึงวิ่งตามจริงๆนะ...
“โอเซฮุน หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ!!!” อี้ฟานตะโกนสุดเสียงจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามอง แต่เขาก็ไม่สนใจ รีบสาวเท้าวิ่งตามต่อ ทั้งๆ ที่เขาช่วงขายาวกว่าแท้ๆ แต่เซฮุนวิ่งหลบหลีกได้เก่งมาก
เซฮุนเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกันแหละ ก็เล่นวิ่งไล่จับกันมาตั้งแต่หน้าบริษัทจนเกือบถึงหอพักแบบนี้มาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมถอดใจไปสักทีก็ไม่รู้
“หยุดก็ได้...” เซฮุนหยุดวิ่งกระทันหันจนคนที่วิ่งตามมาเบรคเกือบไม่ทัน
เซฮุนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ม้าหินของสวนสาธารณะใกล้ๆหอ ยังคงหอบหายใจแรงเพราะวิ่งจนเหนื่อย ในขณะที่อี้ฟานเลือกนั่งเก้าอี้ถัดไปอีกตัว
“หยุดสักทีนะ เฮ้อ!”
“แล้วพี่วิ่งตามผมมาทำไมล่ะครับ?”
“แล้วเซฮุนหลบหน้าพี่ก่อนทำไมล่ะ?”
การที่เซฮุนต้องคอยหลบหน้าวิ่งหนีทุกครั้งที่เจออู๋อี้ฟานก็เพราะเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละ แค่คิดถึงเรื่องนั้นเซฮุนก็รู้สึกร้อนที่หน้าแปลกๆ แล้ว จะว่ากลัวมันก็ใช่นะ แต่ลึกๆ แล้วจะเรียกว่าอะไรดี เขิน?
“ผมแค่ไม่อยากเจอหน้าพี่น่ะครับ” พูดตรงเกินไปมั้ย... อี้ฟานได้ยินถึงกับจุก
“พี่ขอโทษนะที่รุกเรามากเกินไปหน่อย ทั้งๆ ที่เรายังไม่รู้จักกันดีเลย”
“ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนดีมั้ย”
วันต่อมา ถึงแม้เซฮุนจะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เดินหนีเวลาเจออี้ฟาน แต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้าตรงๆ อยู่ดี ตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่เอาแต่จ้องแล้วก็จ้อง ที่สำคัญคือทำไมอู๋อี้ฟานถึงรู้ตารางเรียนของเซฮุนทุกวัน ตามมาดักถูกห้องถูกเวลาด้วย
“พี่อี้ฟานครับ ผมว่าคนอื่นคงคิดว่าเราไม่ถูกกันอยู่แน่ๆเลย”
“หืม? ทำไมกลายเป็นอย่างนั้นล่ะ” อี้ฟานถามกลับแบบไม่ใส่ใจนัก เพราะเขากำลังยุ่งกับการจ้องหน้าเซฮุนอยู่
“มุนคยูถามผมวันนี้ว่าไปมีเรื่องกับพี่มารึเปล่า เห็นพี่มาดักรอหน้าห้องเหมือนจะตามมาแก้แค้นเลย...” อา...แปลว่าสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของเขามันดูเหมือนโกรธแค้นเซฮุนอย่างนั้นเหรอ?
“แล้วยิ่งผมคอยหลบหน้าพี่ ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่เลยนะครับ”
“เซฮุนก็เลิกหลบพี่แล้วนี่... แต่คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขาเถอะน่า” อี้ฟานวาดแขนไปโอบเอวน้องแบบเนียนๆแล้วดึงเข้าหาตัว อินซาดงตอนเย็นยิ่งคนเยอะๆ อยู่เดี๋ยวจะหลงกันน่ะ
เซฮุนยังไม่ค่อยเคยชินกับการสัมผัสจากอี้ฟานเท่าไหร่นัก ความจริงก็ไม่แปลกเพราะพวกเขาเพิ่งจะเริ่มคุยกันจริงๆ ก็เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง ทั้งๆ ที่เคยเห็นหน้าและเดินสวนกันมาเป็นปี
“ว่าแต่พี่พาผมมาถึงนี่ทำไมเหรอครับ?” เซฮุนมองร้านรวงต่างๆ รอบตัวที่มีแต่ของน่ารักเต็มไปหมด
“พี่คิดว่าเราน่าจะทำความรู้จักกันด้วยการรู้ว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร อย่างเช่น... พี่ชอบสีขาว” อี้ฟานชี้ที่ตัวเอง ก่อนจะชี้ไปที่เซฮุน
“เอ่อ...ผมก็ชอบสีขาว”
“นั่นไง เราเหมือนกันอย่างนึงแล้ว”
ความจริงแล้วอู๋อี้ฟานก็ไม่ได้น่ากลัวมากแบบนี้เซฮุนเคยคิด(ยกเว้นสายตา) หลังจากเดินซื้อของด้วยกัน นั่งกินข้าวด้วยกัน เซฮุนก็ชวนอี้ฟานไปกินชานมไข่มุกของโปรดต่อ ดูเหมือนว่าเขาสองคนจะเข้ากันได้เร็วมาก เป็นธรรมชาติมากจนเซฮุนรู้สึกเหมือนรู้จักกับคนๆ นี้มาเป็นสิบปีแล้ว
“เร็วเหมือนลำแสงที่เดินทางมายังโลกเลย”
“ว่าไงนะ?”
“อ๊ะ... เปล่าครับ พอดีคิดเรื่องเรียนอยู่น่ะ”
“ฮ่าๆๆ จริงเหรอ เซฮุนนี่ขยันจังเลยนะ”
อี้ฟานหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมของน้องด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่แล้วจู่ๆ เซฮุนก็เงียบไป
“คิดอะไรอยู่เหรอ?”
“คือว่า... แหะๆ ผมแค่รู้สึกว่า พี่อี้ฟานก็ใจดีจะตาย รู้งี้น่าจะคุยกับพี่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะครับ” เซฮุนยิ้มอายๆ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาอันแรงกล้าของคนที่นั่งตรงข้าม เขาแทบอยากจะถอนคำพูดคืน
อี้ฟานโน้มตัวมาข้างหน้าเอาสองมือรองคางไว้ สายตาคมเป็นประกายวิบวับขัดกับน้ำเสียงจริงจังเมื่อพูดออกมาที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นก็รักพี่สักทีสิ”