very short oneshot: kris’ pov, pg-13
say you love me
เขาว่ากันว่าท้องฟ้าจะแจ่มใสและสวยที่สุดหลังพายุผ่าน ผมว่าจริงที่สุดครับ
ดูอย่างตอนนี้สิ เรื่องของผมกับเซฮุนมาถึงจุดที่เรียกว่าแฮปปี้เอนดิ้งเสียที หลังจากปิดบังหลบซ่อนมาตั้งเกือบสามปี ตอนนี้เปิดเผยเต็มที่ไปเลยครับ ถึงเซฮุนจะยังอายที่ต้องแสดงออกต่อหน้าสายตาขี้อิจฉาทั้งสิบคู่นั้นก็ตาม
“พี่อี้ฟาน... อย่านั่งเบียดนักสิ”
“ทำไมล่ะ ก็พี่อยากนั่งใกล้เรานี่นา” ผมเอาส้อมจิ้มแก้มเซฮุนเล่น อ้าว...แก้มเปื้อนซอสสปาเก็ตตี้เลยครับ หึหึ
“เปื้อนแล้วเนี่ย มามา เดี๋ยวเช็ดให้...” ผมตั้งท่าจะเช็ดให้แบบที่ชอบทำครับ แต่เซฮุนดันหน้าผมออกไปซะก่อน
“ไม่ต้องเลยนะ” เซฮุนหน้าขึ้นสีแล้วครับ สงสัยจะเขิน วิธีเช็ดแก้มที่ดีต้องเช็ดด้วยปากครับ
“นี่คู่นั้นน่ะ ไปไกลๆเลยได้ป่ะ” เม็ดถั่วลอยมาตกใส่หัวผมพอดิบพอดี ลู่หานตัวมารอีกแล้ว มันโยนมารัวๆ เลยครับ เล่นของกินแบบนี้บาปกรรมนะ
“อะไรของนาย อิจฉาล่ะสิ”
“อู๋อี้ฟาน ถ้าไม่อยากเสียใจภายหลังล่ะก็อย่ายั่วโมโหฉัน”
“ทำไม นายจะทำอะไร?”
ผมคงจะโต้ตอบกับลู่หานเป็นภาษาจีนไปอีกยาว ถ้าอี้ชิงไม่เข้ามาห้ามทัพเสียก่อนเพราะดูเหมือนลู่หานจะโกรธจริงๆ เรื่องของเซฮุนเป็นเรื่องที่เจ้านั่นอ่อนไหวที่สุด
“อย่าตีกัน วันนี้วันของชานยอลนะ”
ใช่แล้วครับ วันนี้เป็นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้ชานยอล งานแบบนี้เมมเบอร์ทุกคนชอบที่สุดเพราะกินฟรีดื่มฟรี (พี่ผู้จัดการสุดหล่อควักกระเป๋า) ทุกคนนั่งย่างเนื้อกันควันหอมฉุย เจ้าของวันเกิดนั่งยิ้มแฉ่งอยู่กลางห้องกำลังนับกล่องของขวัญและกีดกันไม่ให้แพคฮยอนเข้ามาขอแกะดู ส่วนคยองซูกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างหลังผมเหมือนหาอะไรบางอย่าง
“เซฮุนนา เห็นกล่องกลมๆ สีฟ้าที่อยู่ในตู้เย็นมั้ย” คยองซูหันมาถามเซฮุนที่นั่งม้วนสปาเก็ตตี้ใส่ปากอยู่
“ไม่เห็นนี่ครับ ทำไมเหรอครับ”
“อ๊ากกกกกก แย่ชะมัด มันหายไปไหนฟะ” คยองซูเอามือกุมหัวแล้วทรุดตัวลงนั่ง ทำเอาเซฮุนตกอกตกใจใหญ่
“อะไรเหรอครับ มันสำคัญมากเลยเหรอ?”
“คะ คะ เค้กวันเกิดชานยอลไง พี่อุตส่าห์ทำตั้งนาน ; o ;”
แย่แล้วสิ ถ้าไม่มีเค้กมีหวังชานยอลน้อยใจบ้านแตกแน่ ...เดี๋ยวนะ กล่องกลมๆสีฟ้าเหรอ?
“คยองซู นายทำสตรอเบอร์รี่ช็อตเค้กให้ชานยอลใช่มั้ย”
“ใช่ครับพี่ รู้ได้ไงอ่ะ”
ชิ บ ห า ย แล้วครับ
สามชั่วโมงก่อน
ผม อี้ชิง จงแดและจื่อเทา ได้รับมอบหมายให้มาเตรียมสถานที่สำหรับวันเกิดชานยอลที่หอของเมมเบอร์เค สภาพห้องก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดี แต่อี้ชิงพูดลอยๆว่าหอของพวกเขาสะอาดกว่าเยอะ
“ก่อนอื่นจัดโต๊ะก่อนล่ะกัน โต๊ะปิ้งย่างเอาไว้ตรงกลาง
จื่อเทาไปขยับโซฟาออกหน่อย” อี้ชิงสั่งการราวกับผู้เชี่ยวชาญ ผมกับจงแดช่วยกันยกโต๊ะจัดห้องตามคำสั่งของอี้ชิงจนเสร็จเรียบร้อยสวยงาม
“หิวเนอะพี่” จื่อเทาบ่นขึ้นมา
“นั่นสิๆ ไปค้นตู้เย็นบ้านนี้หาไรกินกันมะ” จงแดไม่พูดเปล่า เดินไปเปิดตู้เย็นทันที จื่อเทาเดินตามไปสมทบด้วย สองพี่น้องก้มๆเงยๆ อยู่สักพักก็หยิบกล่องกลมสีฟ้าออกมา
“โห เค้กน่ากินจัง ของใครเนี่ย”
“ไม่มีชื่อติดงั้นขอกินนะ” ...คิมจงแด นิสัยเสียนะนั่น
“จะดีเหรอ ถ้าเกิดเป็นเค้กวันเกิดของชานยอลล่ะ”
“เค้กชานยอลสั่งมาไม่ใช่เหรอพี่ อันนี้ไม่ใช่หรอกน่า” คนมันหิวหน้ามืดพูดอะไรไปก็ไม่ฟังหรอก สุดท้ายเค้กหน้าตาน่ากินแต่รสชาติค่อนข้างพิลึกก็ถูกจัดการโดยหวงจื่อเทาและคิมจงแด โดยมีอี้ชิงเลือกกินแต่สตรอเบอร์รี่ ส่วนผมไม่ทานของหวานครับ
.......
.....
“ซวยแล้วไง” คยองซูทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้จนเซฮุนต้องจับมือไว้
“พี่คยองซูใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อเค้กให้ใหม่ ต้องทันเวลาเป่าเค้กของพี่ชานยอลให้ได้”
“ใช่แล้วคยองซู งานนี้พี่ผิดเอง” ผมลุกขึ้นพร้อมกับเซฮุน ค่อยๆ เลี่ยงออกมาหยิบเสื้อโค้ทโดยมีคยองซูมองส่งเหมือนจะไปทำภารกิจระดับชาติ
“พวกพี่ก็เหลือเกิน มากินของในตู้เย็นเราได้ยังไงกันครับ มิน่าพุดดิ้งของผมก็หายไป”
“พุดดิ้งไม่เกี่ยวแล้วเซฮุน เจ้าพวกนั้นกินแต่เค้ก” เซฮุนทำปากขมุบขมิบประมาณว่าไม่เชื่อหรอก
“ว่าแต่เค้กอร่อยมั้ยครับ”
“อย่าไปบอกคยองซูล่ะ จงแดบอกว่ารสชาติมันแปลกๆ ยังไงชอบกล”
เซฮุนหัวเราะพลางถูมือตัวเองไปด้วย เพราะรีบร้อนออกจากห้องจึงลืมหยิบถุงมือออกมา
“เอามือมานี่สิ” ผมจับมือเซฮุนมาซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท ถึงแม้เซฮุนจะไม่ใช่คนขี้หนาวแต่มือของเขาก็เย็นมาก ผมลูบมือเย็นๆ ของเขาเล่นหวังว่าจะทำให้อุ่นขึ้น
“เดินไปอีกบล็อคมีร้านเบเกอรี่อยู่ร้านนึงนะครับ น่าจะมีเค้กขายบ้าง ถ้าเจ้านี้ไม่มีเราอาจจะต้องนั่งรถออกไปหา”
เซฮุนใช้มือข้างที่เหลือชี้ไปข้างหน้าแล้วก้มหน้าลงมองพื้น ท่าทางเก้ๆ กังๆ จนผมต้องก้มลงมองหน้าเซฮุนใกล้ๆ เขาพยายามก้มลงอีกซ่อนใบหน้าแดงเรื่อของตัวเองเอาไว้
เซฮุนนี่กำลังเขิน
“อืม ไม่เจอก็ไม่เป็นไร พี่จะได้มีเวลาอยู่กับเราเพิ่มอีกไง” ผมเหลือบดูปฏิกิริยาของคนข้างๆ เขาแอบยิ้มน้อยๆ กับคำพูดนั้น
“ได้ยังไงล่ะ พี่ชานยอลต้องเป่าเค้กวันเกิดนะครับ”
“หึหึ เรากำลังเขินอยู่สิท่า”
“วะ วะ ว่าไงนะ เปล่าสักหน่อย”
“ก็หน้าแดงอ่ะ”
“ไม่แดง”
“เขินก็ยอมรับมาเถอะน่า”
“เปล่านะ”
“งั้นบอกรักพี่หน่อยสิ”
เซฮุนอึ้งไปเลยครับ หันมาทำตาโตใส่แล้วพยายามดึงมือออกจากระเป๋าเสื้อแต่ผมจับไว้แน่น พอดึงออกไม่ได้ก็สะบัดหน้าหันไปอีกทางนึงเลย แกล้งคนน่ารักที่เรารักนี่เป็นความสุขอย่างหนึ่งนะครับ
เอาจริงๆ เซฮุนไม่เคยบอกรักผมพร่ำเพรื่อหรอกครับ บอกรักครั้งล่าสุดก็เมื่อปีที่แล้วแถมไม่ได้พูดออกมาแต่เขียนใส่การ์ดมาแทน จนผมเกือบจะเอาการ์ดใบนั้นไปใส่กรอบตั้งไว้หัวเตียงอยู่แล้ว คำว่ารักจากปากของเซฮุนมันออกมายากมากแต่ผมไม่คิดมากนะครับ
ไม่ได้คิดจริงๆนะ...
โชคดีที่ร้านเบเกอรี่นั้นมีเค้กเหลืออยู่ก้อนสุดท้ายพอดี แถมยังเป็นสตรอเบอร์รี่ช็อตเค้กที่ชานยอลชอบเสียด้วย เราสองคนกลับมาที่หอทันก่อนที่ทุกคนจะสังเกตว่าผมกับเซฮุนหายตัวไป
“เซฮุนนา พี่อี้ฟาน ขอบคุณนะครับ” คยองซูทำท่าดีใจน้ำตาแทบปริ่ม ถึงแม้จะยังเสียใจว่าทุกคนไม่ได้ชิมเค้กฝีมือของเขาสักทีก็ตาม
ชานยอลเองก็ดูจะดีใจมากเช่นกัน เขายิ้มแก้มปริตอนเป่าเค้ก เสียงหัวเราะเฮฮาดังลั่นหอ
“ทุกคนขอบคุณมากเลยนะ วันเกิดปีนี้สนุกจริงๆ” ชานยอลพูดเสียงซาบซึ้ง จนทุกคนอดขำไม่ได้ แพคฮยอนรีบเอาแก้วค็อกเทลไปยัดใส่มือชานยอลทันที
“อย่ามาแอ๊บทำซึ้ง ดื่มๆ”
“เย้ๆ ดื่มๆ” เข้าทางพวกขี้เมาเลยครับ
ผมยกแก้วขึ้นจิบบ้าง โชคดีว่าผมคอแข็งก็เลยไม่หลุดสภาพตอนเมาให้ใครเห็นมาก่อน (แน่ใจนะ?) เหมือนอย่างที่เมมเบอร์คออ่อนบางคนเริ่มเป็นในเวลานี้
“เครสสสสส นายมานั่งตรงนี้ๆ” ลู่หานชี้มาที่ผม กระดิกนิ้วเรียก และตบปุไปที่ว่างบนโซฟาข้างๆ เซฮุน ผมเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย ก็เซฮุนนั่งอยู่ตรงนั้นพอดีนี่นา
“ไหนๆ นายก็เป็นน้องเขยฉันแล้ว แสดงความจริงใจออกมาหน่อยซิ!” ลู่หานออกคำสั่ง
“แสดงอะไร?”
“สาบานว่านายจะรักและซื่อสัตย์กับเซฮุนคนเดียว ไม่ทำให้เซฮุนเสียใจเด็ดขาด” ผมเลิกคิ้วแล้วยกยิ้มขึ้นมานิดๆ ตอนแรกนึกว่าลู่หานแค่พูดเล่น แต่ปรากฏว่าทุกคนในห้องกำลังนิ่งเงียบ รอฟังคำตอบจากผมอยู่
“เอาจริงดิ?”
ผมกำลังตั้งท่าอ้าปากจะพูด แต่มือของผมกลับถูกมือของเซฮุนคว้าเอาไว้
“ไม่ต้องครับพี่อี้ฟาน” เซฮุนพูดเสียงสั่นๆ ผิดปกติ เขาก้มหน้ามองเข่าของตัวเองนิ่ง “ไม่ต้องฝืนใจก็ได้”
“ฝืนใจที่ไหนกัน เอาอะไรมาพูด ...เงยหน้าขึ้นมาฟังก่อนสิเซฮุนนา” ผมก้มลงแล้วจับคางเซฮุนให้เงยหน้าขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำใสๆ ไหลลงมาบนแก้มขาวเนียนทันที ...แย่แล้ว
ดูเหมือนว่าเซฮุนจะดื่มเหล้าเข้าไป... เวลาเซฮุนมีแอลกอฮอล์หรือเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายจะทำให้เด็กคนนี้อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ
“พี่อี้ฟานแกล้งน้องเหรอ!” คออ่อนเบอร์สองพยอนแพคฮยอนกำลังกระโดดเข้ามาหาเมื่อเห็นเซฮุนร้องไห้ แต่ถูกชานยอลรั้งคอเอาไว้แล้วกระซิบว่า “เรื่องของเขาสองคนน่า อย่าเข้าไปยุ่ง”
“เซฮุนนา ร้องไห้ทำไมบอกพี่สิ” ผมถามหลังจากดึงตัวเซฮุนเข้ามาในห้องนอน ทุกคนดูตกใจที่เซฮุนร้องไห้ยกเว้นลู่หานกับจุนมยอนที่เคยเห็นเซฮุนตอนเมามาก่อน
“พะ พี่อี้ฟาน รักผมรึเปล่า ฮึก รักน้อยลงบ้างรึเปล่า?” เซฮุนพูดไปสะอื้นไป มือเรียวยุ่งอยู่กับการดึงผ้าพันคอของผมเล่น
“รักสิ ไม่มีทางที่พี่จะรักเราน้อยลงหรอกนะ มีแต่จะรักมากขึ้นทุกวัน”
“แล้วเบื่อผมบ้างรึเปล่า ผมน่ารำคาญมากนี่นะ เอาแต่ใจด้วย ชอบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วย ฮึก... ปากแข็งด้วย” ผมอดหัวเราะไม่ได้ ที่เซฮุนพูดมาตรงทุกอย่างแต่ผมกลับไม่เคยนึกรำคาญเลยสักนิดเดียว
“ไม่เบื่อหรอก แต่น้อยใจ เซฮุนคนปากแข็ง” ผมใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ยังไหลลงมาให้อย่างแผ่วเบาที่สุด ก่อนจะเลื่อนลงมาแตะที่ปาก “หืม? ใช่มั้ยล่ะ เซฮุนคนปากแข็ง”
เซฮุนปล่อยมือจากผ้าพันคอของผมแล้วเปลี่ยนมาเล่นคิ้วผมแทน เซฮุนเคยบอกว่ามันตลกที่คิ้วคนเราจะเหมือนนกโกรธได้ขนาดนี้ เขาใช้นิ้วโป้งปาดมันเบาๆสองสามครั้ง
“เล่นอะไรหืม?” เซฮุนไม่ตอบแต่ยิ้มออกมาได้ เพียงแค่นี้หัวใจผมก็สั่นแล้ว
“พี่อี้ฟานรักผมมากมั้ย?” จู่ๆ เซฮุนก็ถามขึ้นมาระหว่างที่ผมนั่งลงบนเตียงแล้วดึงเขาลงมานั่งบนตักด้วย
“รักมากที่สุด แล้วเซฮุนล่ะ?” ผมตอบระหว่างที่ซบหน้าลงกับซอกคอของเซฮุนผมกอดเอวบางๆ ของเขาให้แน่นเข้าไปอีก
“ก็เหมือนกัน”
“อะไรเหมือนกัน?”
“ก็...นั่นแหละ...เหมือนกันไง” เสียงเซฮุนยิ่งเบาลงเรื่อยๆ แต่ผมก็ยังแกล้งเขาต่อ
“พี่น้อยใจจริงๆแล้วนะ”
“......”
“ว่าไง?”
“ก็รักไง ฮึก... อย่าขึ้นเสียงสิ” ขี้แยอีกแล้วเด็กคนนี้ ผมยิ้มกว้างจนจะถึงหูพร้อมทั้งลูบผมเซฮุนเพื่อปลอบใจไปด้วย
“จ้ะๆ อย่าร้องไห้สิ”
เซฮุนเพิ่งบอกผมว่ารักครับ
เซฮุนบอกว่ารักผมครับ
โอยยยยยย อู๋อี้ฟานดีใจจนน้ำตาจะไหลตามเซฮุนแล้วครับ
ผมนอนกอดเซฮุนจนหลับไป ขนาดหลับยังพึมพำบ่นโน่นบ่นนี่จนผมอดขำไม่ได้ ผมค่อยๆ พาตัวเองออกจากอ้อมกอดของเซฮุนอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วจัดผ้าห่มให้เขาดีๆ จูบลาที่หน้าผากหนึ่งทีก่อนจะออกจากห้อง
“เฮ้ย!” ผมเปิดประตูห้องนอนของเซฮุนออกมาแล้วก็ต้องตกใจ จุนมยอนรีบเอามือมาปิดปากผมไม่ให้ส่งเสียง แล้วโดนใครไม่รู้ลากออกมาจากห้องพร้อมกับปิดประตูตามหลังเสียงเบา
“อะไรของพวกนายเนี่ย???” ทุกคนยืนล้อมวงจ้องหน้าผมอย่างมีคำถาม
“น้องหลับไปแล้วเหรอ?”
“พี่อี้ฟาน เซฮุนร้องไห้ทำไมอ่ะ T__T”
“แฮ่ ตะกี้ทำอะไรกันอยู่ในห้องอ่ะ”
ทุกคนรุมถามคำถามกันไม่หยุดจนผมยกนิ้วขึ้นมาอุดหู จงแดเขย่าแขนผมแบบเรียกร้องความสนใจแต่ผมไม่สน
“นี่ถ้าตอบคำถามพวกเรา เดี๋ยวจะยอมให้ค้างที่ห้องเลยเอ้า”
จุนมยอนเสนอ ผมหูผึ่งอย่างสนใจ
“ค้างกับเซฮุนนะ”
“เออ ค้างเลยๆ”
“เซฮุนจะร้องไห้ถ้าฉันขึ้นเสียงสูง เป็นเฉพาะเวลาป่วยกับเมาน่ะ”
“......”
“แล้วเซฮุนก็หลับไปแล้วด้วย ส่วนคำถามว่าเมื่อกี้ทำอะไรอยู่ ...ฉันไม่บอก”
ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันมายิ้มให้ทุกคนก่อนจะพูดต่อ
“งั้นวันนี้ฉันค้างกับเซฮุนนะ ขอบใจมาก หึหึ”
{ e n d }
“จบแบบนี้เลยเหรอครับพี่?” แพคฮยอนที่ยังเอาหูแนบประตูห้องของเซฮุนถามด้วยความสงสัย
“หึหึ คิดว่าจบจริงเหรอแพคกี้ ตราบใดที่ยังมีพวกเราอยู่ อู๋อี้ฟานไม่ได้แต๊ะอั๋งน้องเราอย่างสงบสุขราบรื่นหรอก จะบอกให้” จุนมยอนหัวเราะน่ากลัวทำสายตาเจ้าเล่ห์
“อ่า... พี่น่ากลัวจังนะครับ พูดแบบนี้แปลว่าจะมีภาคต่อเหรอครับ”
“ถามคนแต่งเอาเองก็แล้วกัน ไปนอนกันเถอะ”