secret/whisper
*2
◆ multi-shot; pg-13
◆ jongin/sehun ft. kris
วันนี้เซฮุนตื่นเช้ามากกว่าทุกวัน เมื่อคืนเขานอนหลับไม่สนิทเท่าใดนัก รู้สึกตัวอีกทีมองดูนาฬิกาก็พบว่าตัวเองตื่นก่อนเวลาเป็นชั่วโมง เขาลุกขึ้นมาจัดการกับตัวเองแบบไม่เร่งรีบ ไหนๆก็ตื่นแล้วคิดว่าออกไปทำงานให้เช้าหน่อยก็คงจะดี
แสงไฟสลัวในทางเดินของหอพักที่เซฮุนอยู่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกปลอดภัย คนข้างห้องที่ย้ายออกไปแล้วชอบเล่าให้ฟังว่าเขามักได้ยินเสียงแปลกๆทุกคืน บางครั้งก็มองเห็นเงาสลัวของบางอย่างที่ทำให้หวาดกลัว จนมีข่าวลือว่าหอพักแห่งนี้มีผีดุและทำให้ค่าเช่าค่อยๆถูกลง ซึ่งมันดีกับตัวเซฮุนเอง
เขาเดินลงบันไดพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เช้านี้อากาศเย็นมากกว่าเดิมจนเซฮุนนึกเสียดายที่ไม่ได้หยิบเสื้อคลุมที่หนากว่านี้ออกมา แต่พอมาถึงชั้นล่างกลับต้องพบกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด
“ไม่นึกว่าจะได้เจอกันแต่เช้า”
เซฮุนเพียงแค่พยักหน้ารับ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตื่นเช้าแบบนี้เหมือนกัน
“เซฮุนนา ค่าห้องของเดือนนี้จ่ายหรือยังหืม”
“ขอเวลาอีกสองสามวันเดี๋ยวเงินเดือนก็ออกแล้วครับ”
“คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้”
อีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้ มือใหญ่เอื้อมมาเล่นกับตุ๊กตาผ้าที่ห้อยกระเป๋าของเซฮุน
“หรือจะจ่ายเป็นอย่างอื่น”
อีกฝ่ายกวาดสายตามองตามร่างกายของเซฮุนตั้งแต่หัวจรดเท้า เผยรอยยิ้มมุมปากที่ชวนให้คลื่นไส้
“ผมจะรีบเอามาจ่ายเลยให้ภายในวันนี้เลยครับ”
เซฮุนพูดตัดบทเสียงเรียบ พยายามตีสีหน้าให้ว่างเปล่า
“ดีมากเด็กน้อย แต่ถ้าหมุนเงินไม่ทันก็มาหาฉันนะ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเซฮุนต้องเอามือยันไว้ รีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางก่อนที่อีกฝ่ายจะจับตัวได้ เร่งฝีเท้าออกจากหอพักให้เร็วที่สุดโดยไม่เหลียวหลังกลับไปอีก
.........................................
ตั้งแต่คืนนั้นเซฮุนก็ไม่กล้ามองหน้าหมอคิมอีกเลย
เขาอึดอัดที่จะอยู่ในห้องทำงานเดียวกันกับจงอิน จะให้ไปหลบอยู่แต่ในห้องพักของพยาบาลก็ไม่สะดวกใจ เซฮุนจึงหนีมาขลุกอยู่แต่ที่ดาดฟ้าทุกครั้งที่พักเบรก วันนี้ก็เช่นกัน เขากินข้าวกล่องที่ทำเองจากบ้าน ข้าวเย็นชืดกับกิมจิและไส้กรอก รสชาติไม่อร่อยเท่าที่ร้านอาหารในวันนั้นเลยสักนิด
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนพยายามเข้าหา แต่คิมจงอินเป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามาได้ใกล้ขนาดนี้ ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องราวของเซฮุนแทบทุกอย่าง ถึงมันจะไม่ใช่ความลับก็เถอะ แต่ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ ความลับของเซฮุนจะยังปลอดภัยอยู่ไหม
เซฮุนลุกขึ้นยืน แขนเรียววาดขึ้นไปในอากาศแล้วเริ่มยืดตัวเพื่อคลายความเมื่อยล้า เก็บกล่องข้าวใส่ถุงจนเรียบร้อย มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็หมดเวลาพักพอดี
แกร็กๆ
“เอ๋ ทำไมเปิดไม่ออกล่ะ”
เซฮุนเขย่ามือจับประตูหลายครั้ง พยายามออกแรงดันแต่ก็เหมือนประตูจะมีอะไรบางอย่างขวางอยู่ หรือตัวล็อคมันอาจจะเสียก็ได้
“แย่แล้วสิ หมดเวลาพักแล้วด้วย” เซฮุนถอนหายใจ พยายามเปิดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก่าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ
ประตูดาดฟ้าเปิดออกอย่างง่ายดายหลังจากถูกถอดกลอน จงอินขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ ก่อนหน้านี้กลอนถูกใส่จากด้านใน และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะลงล็อคด้วยตัวเองถ้าไม่มีคนมาจับ...
“พี่ซองมีเหรอครับ” เซฮุนถามเสียงแผ่ว เขานั่งห่อตัวจนลีบเล็กเพราะสายลมเย็นเฉียบบนดาดฟ้า เสื้อคาดิแกนเก่าๆตัวเดียวดูจะไม่ช่วยอะไรมากนัก
“ไม่ใช่ผู้ช่วยฮงหรอก” เสียงจงอินตอบกลับเรียบๆ
“คะ คุณหมอคิม” เซฮุนทำตาโต รีบก้มหน้าลงทันที นึกสงสัยว่าทำไมถึงกลายเป็นจงอินที่มาช่วยเขา
จงอินแค่พยักหน้า มองดูท่าทางของเซฮุนด้วยความรู้สึกน้อยใจนิดหน่อย ทำไมจงอินจะไม่รู้ว่าสองสามวันมานี้เซฮุนคอยแต่หลบหน้าเขา ทำเหมือนเขาเป็นสัตว์ป่าที่กำลังแกล้งลูกกระต่ายน้อยไปได้
“ผมอยู่กับผู้ช่วยฮงตอนเซฮุนโทรมาพอดี ก็เลยอาสาขึ้นมา”
เซฮุนได้ยินเสียงคนที่พยายามหลบหน้ามาตลอดวันถอนหายใจ
“แล้วนึกยังไงมานั่งอยู่ดาดฟ้าแบบนี้ ลมแรงแถมเสื้อเธอก็บาง ประตูมันก็เก่าจะแย่ ถ้าเธอไม่ได้พกโทรศัพท์มา ถ้าแบตมันหมด หรือถ้าไม่มีคนขึ้นมาช่วยเลย เธอจะทำยังไง”
จงอินพูดเสียงเรียบแต่แฝงด้วยแววตำหนิ เซฮุนได้แต่เม้มปากแล้วก้มหน้ามองรองเท้าหนังของอีกฝ่าย
“ขอโทษครับ”
“ยังจะขอโทษอีก พูดผิดแล้ว เธอต้องพูดว่าขอบคุณต่างหาก เฮ้อ...ที่ผมพูดมาไม่เข้าใจเลยล่ะสิ”
ปลายเท้าของหมอจงอินเลื่อนเข้ามาใกล้ เขาจับที่ท่อนแขนทั้งสองข้างของเซฮุนแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้นยืน
“ผมเป็นห่วงเซฮุนนะ”
เสื้อแจ็คเกตสีเทาถูกตวัดสวมบนร่างที่กำลังตัวสั่นเพราะความหนาว เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ ยังไม่ทันจะพูดขอบคุณ ก็ได้พบกับรอยยิ้มที่ดูเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินของคนเป็นเจ้านาย จงอินทิ้งศีรษะลงบนไหล่ของเซฮุนพร้อมกับเอนตัวเข้าหาจนเซฮุนต้องถอยหลังไปชนกำแพง ได้ยินเสียงถอนหายใจอันอ่อนแรงของเขาแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้ เซฮุนแปลกใจนิดๆเพราะตลอดเวลาเกือบเดือนที่เขาย้ายมาเป็นผู้ช่วย จงอินไม่เคยเผยมุมที่ดูอ่อนแอให้เห็นมาก่อน
“คุณหมอเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
จงอินส่ายหน้าไปกับไหล่บางแล้วตอบเสียงอู้อี้
“เปล่า ผมแค่เหนื่อย...”
เซฮุนทำได้เพียงยืนนิ่งแล้วรอ
“แต่พอเจอหน้าคุณก็หายเหนื่อยแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะ”
คิมจงอินทำให้เซฮุนทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกดีได้ในเวลาเดียวกัน
.................
จงอินยิ้มอยู่ตลอดถึงแม้ตรงหน้าจะมีงานเอกสารกองเป็นตั้ง เขาไม่คิดว่าจะทำให้เซฮุนกลับมานั่งที่โต๊ะได้สำเร็จ หลังจากเจ้าตัวเอาแต่ไปขลุกอยู่ในห้องพักพยาบาล ไม่ก็หาเรื่องไปดูแลคนไข้ทั้งที่ไม่จำเป็น เซฮุนกำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์เอกสารตามที่เขาสั่ง พอรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วทำหน้ายุ่ง จงอินยกมือขึ้นยอมแพ้แล้วหันหน้าไปทางอื่น แต่อีกสักพักก็หันกลับมามองอีกอยู่ดี
โต๊ะทำงานของเซฮุนสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ค่อยมีของมาวางบนโต๊ะมากนักนอกจากแฟ้มงานและปากกา ตอนเซฮุนไม่อยู่เขาแอบเปิดดูลิ้นชักของเจ้าตัว ทั้งที่รู้สึกผิดมากแต่ก็อดไม่ได้ ในลิ้นชักมีของจุกจิกอย่างพวกกระดาษโน้ต คลิปหนีบกระดาษรูปตัวการ์ตูน และขวดโหลใส่ลูกอม เป็นลูกอมที่จงอินไม่เคยเห็นขายตามร้านมาก่อน ดูจากยี่ห้อแล้วน่าจะเป็นของต่างประเทศ
เซฮุนเปิดขวดโหลที่ว่านั้นแล้วหยิบลูกอมออกมาแกะกิน ท่าทางคงกำลังง่วง บรรยากาศตอนบ่ายแก่ๆแถมยังเงียบสงบมันก็น่านอนไม่ใช่น้อย
แล้วจงอินก็นึกได้ว่าเคยเห็นลูกอมแบบนี้ที่ไหน
......................
วันนี้จงอินมีเคสผ่าตัดเพียงเคสเดียว หลังจากแวะไปสั่งงานเซฮุนเสร็จเขาก็เดินโฉบมาที่ห้องทำงานของคริส พอส่องผ่านกระจกเข้าไปก็เจอคริสนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองพร้อมกับหมออีกสองสามคน
"คริส เย็นนี้ว่างมั้ย"
"จงอิน มาพอดีเลย"
"หืม?"
"ทุกคนกำลังอยากรู้จักผู้ช่วยคนใหม่ของนาย"
จงอินทำหน้าบึ้งใส่ ผู้ช่วยก็ของเขา คนอื่นจะอยากรู้จักทำไม
"ทำไมต้องอยากรู้จักล่ะ"
"ก็เด็กเขาน่ารักดี ดูซื่อๆใสๆ แค่นี้ทำหวงเหรอ" เพื่อนคนอื่นพากันหัวเราะยกใหญ่ แกล้งจงอินเล่นนี่สนุกดี
"ไม่ได้หวง เขาชื่อเซฮุน อยากรู้แค่นั้นใช่มั้ย"
"เอาเบอร์โทรด้วยดิ"
จงอินดีดหน้าผากเพื่อนไปอีกหนึ่งที เขาลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับคริสพลางโบกไล่ให้คนอื่นกลับโต๊ะของตัวเอง
"เซฮุนเพิ่งย้ายมาแท้ๆ แถวนี้มีแต่เสือไม่น่าไว้ใจ"
"ไอ้พวกนี้แกล้งแซวไปอย่างนั้นนายก็รู้" คริสยิ้มขำระหว่างเปิดอ่านแฟ้มงานบนโต๊ะ
จงอินนั่งมองของบนโต๊ะของคริส รายนี้ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนเซฮุน ของจุกจิกทุกอย่างถูกกองสุมไว้ที่มุมหนึ่งข้างจอคอมพิวเตอร์ ที่ใส่ปากกาวางอยู่หลังกรอบรูปครอบครัว ข้างๆกันมีตุ๊กตากระต่ายเก่าๆอยู่ตัวหนึ่ง จงอินเคยถามเมื่อนานมาแล้วตั้งแต่สมัยเรียนว่ามันมาจากไหน คริสพกเจ้าตัวนี้ติดตัวตลอด เขาบอกว่ามันคือตุ๊กตาที่แม่เย็บให้
"ขอกินได้มั้ยอันนี้"
จงอินหยิบลูกอมสตรอเบอร์รี่ที่วางอยู่หน้ากรอบรูปขึ้นมา กำลังจะแกะกินแล้วแต่กลับถูกฉวยกลับไป
"อันนี้ไม่ให้นะ ถ้าจะกินเอานี่" คริสเปิดลิ้นชักแล้วหยิบถุงลูกอมออกมาให้จงอินเลือก
"อ้าว" เขายักไหล่ทำเป็นไม่สนใจ มือหยิบลูกอมในถุงออกมาโดยไม่สนว่าเป็นรสอะไร แต่มันเป็นคนละยี่ห้อกับอันที่คริสเพิ่งเก็บกลับไปใส่กระเป๋าเสื้อ
"เกือบลืมแน่ะ มาถามว่าเย็นนี้ว่างมั้ย ไปดื่มกัน"
"วันนี้ไม่ต้องทำปฏิบัติการจีบเซฮุนแล้วเหรอ"
"อย่ามาหัวเราะเยาะ วันนี้เซฮุนบอกว่าต้องรีบกลับ ฉันนี่ว่างเลย"
"เอาสิ แต่หลังสองทุ่มครึ่งนะ"
จงอินพยักหน้า โบกมือให้คริสทำงานต่อแล้วค่อยลุกออกมาช้าๆ
ลูกอมบนโต๊ะของคริสยี่ห้อเดียวกับที่มีในลิ้นชักของเซฮุน
มันคงเป็นเรื่องบังเอิญล่ะมั้ง
...............................
เซฮุนกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงครึ่ง ตอนแรกจงอินบอกว่าจะไปส่ง แต่คราวนี้เซฮุนปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เป็นไร เขากลับมานอนพักที่ห้องก่อนจะออกไปเจอกับคริสที่ร้านตอนสามทุ่ม
ห้องขนาดสองห้องนอนของจงอินเป็นห้องที่ลูกพี่ลูกน้องขายต่อให้ตั้งแต่สมัยจงอินยังเรียนอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายคนนี้จงอินคงจะขอแยกออกมาอยู่คนเดียวไม่ได้แน่ พ่อของเขาเป็นคนเข้มงวด ไม่ชอบให้ลูกชายคนเดียวไปอยู่ไกลหูไกลตา จงอินยกเหตุผลสารพัดขึ้นมาอ้างจนสุดท้ายพ่อก็ใจอ่อน เขาขออิสระเพียงเล็กน้อยให้ชีวิต เพราะสุดท้ายก็รู้ดีว่าคงหนีเงาของพ่อไม่พ้น คำว่า 'ลูกเจ้าของโรงพยาบาล' มันติดตัวเขามาตลอด
จงอินได้ยินเสียงโทรศัพท์ระหว่างอาบน้ำ ตอนแรกคิดว่าคงเป็นคริสที่โทรมา แต่พอออกมาเปิดดูกลับไม่ใช่ เป็นคนที่เขาคิดว่าจะไม่โทรเข้ามาแน่ๆในช่วงนี้
"เซฮุน โทรหาผมเหรอ"
'คุณหมอ... ช่วยผมที มาช่วยผมที'
หัวใจของจงอินกระตุกวูบ เขารีบคว้ากุญแจรถและกุญแจห้องออกไปทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จด้วยซ้ำ และทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเซฮุนต้องการให้ช่วยอะไร แต่เสียงพูดเบาหวิวปนเสียงสะอื้นของเซฮุนมันทำให้เขาใจคอไม่ดี
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าหอพักของเซฮุน คุณหมอหนุ่มไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อดี เขาเดินวนไปวนมา เงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าต่าง กำลังคิดว่าจะเข้าไปเคาะประตูห้องเลย ก็พอดีกับที่มีเสียงดังจากทางด้านหลังของตึก
"เซฮุน! เกิดอะไรขึ้น"
เป็นเซฮุนที่เดินกะเผลกออกมาจากสวนด้านหลัง ในอ้อมแขนอุ้มกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมและกระเป๋าสะพายที่จงอินเห็นบ่อยๆ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาไปหมด
"คุณหมอมาจริงๆด้วย" ดูเหมือนเซฮุนจะยังตกใจกับอะไรบางอย่างอยู่ แถมข้อเท้าคงจะแพลงจงอินต้องรีบประคองไว้ไม่ให้ล้ม
"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ"
เขาพาเซฮุนมานั่งในรถ เอื้อมมือไปปรับฮีทเตอร์ให้อุ่นขึ้นกว่าเดิม เซฮุนตัวเย็นมากจนต้องถอดเสื้อมาห่มให้เหมือนเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้างดงามที่แสนเศร้านั้นกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“ขอบคุณที่อุตส่าห์มานะครับ ผมไม่รู้จะพึ่งใครจริงๆ” เซฮุนก้มหน้าพูด สายตาจ้องตุ๊กตาผ้าเก่าๆที่ห้อยกระเป๋าสะพายของตัวเอง
“พูดอะไรอย่างนั้น มีอะไรก็บอกผมมาเถอะ ผมเต็มใจจะช่วยทุกอย่าง”
เซฮุนสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ก่อนจะเริ่มเล่า
“วันนี้ต้องจ่ายค่าเช่าห้องน่ะครับ ผมเลยต้องรีบกลับมาเบิกเงินแต่มีไม่พอ จะขอจ่ายครึ่งหนึ่งก่อนเขาก็ไม่ยอม เขาก็เลย...จะทำร้ายผม”
“ผมเข้ามาหลบอยู่ในห้อง เขาก็ขู่ว่าจะพังประตูเข้ามา ผมกลัวมากก็เลยโทรหาคุณหมอ ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อก็เลยเก็บของใส่กระเป๋า พอเขาขู่อีกว่าจะเอากุญแจสำรองมาเปิดก็เลยกระโดดจากระเบียงลงมา”
จงอินนิ่งเงียบไป เขาเผลอกำมือจนแน่น นึกอยากจะดึงตัวคนที่ทำร้ายเซฮุนมาต่อยให้หายโกรธ แต่มันคงไม่ส่งผลดีกับใคร
“เซฮุนไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวผมจะจ่ายค่าเช่าห้องให้ แล้วคุณย้ายออกมาเถอะ ผมไม่อยากให้คุณอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว” จงอินเอื้อมมือมากุมมือที่สั่นเทาของเซฮุนไว้เบาๆ
“ละ แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ถ้าไม่รังเกียจ มาอยู่กับผมก่อนก็ได้นะครับ”
จงอินพาเซฮุนเข้าไปจัดการเรื่องค่าเช่าห้องและยกเลิกสัญญาเช่าที่มี โชคดีที่ลูกชายเจ้าของหอพักคนที่จะทำร้ายเซฮุนนั้นออกไปข้างนอกแล้ว จงอินช่วยเซฮุนเก็บของในห้องซึ่งมีอยู่ไม่มากนักใส่กระเป๋าแล้วยกมาไว้ที่รถ กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เซฮุนยอมไปด้วยได้ก็ต้องใช้วิธีมัดมือชกนั่นคือขับรถตรงมาที่คอนโดของเขาเสียเลย
“ห้องผมมีสองห้องนอน เดี๋ยวเซฮุนนอนอีกห้องนึงก็แล้วกันนะครับ อ๊า...ดูเหมือนมันจะมีของอยู่นะ” จงอินรีบวิ่งเข้าไปดูในห้อง ข้าวของที่จงอินไม่ค่อยได้ใช้ถูกเก็บไว้ในห้องนี้ จะว่าเก็บก็คงไม่ถูกเพราะเขามักจะเอากองสุมๆไว้บนเตียง จงอินลนลาน ครั้นจะเก็บของคืนนี้ก็คงไม่ทัน แถมโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยังสั่นไม่หยุด คงเป็นคริสที่โทรมาตาม ไว้ค่อยส่งข้อความตามไปขอโทษที่เบี้ยวก็แล้วกัน
“คืนนี้เซฮุนนอนห้องผมไปก่อนก็แล้วกันนะครับ พรุ่งนี้ค่อยให้แม่บ้านมาทำความสะอาดกับจัดของให้”
“ผมนอนโซฟาก็ได้นะครับ” เซฮุนรีบบอก สายตามองกวาดไปรอบๆห้องแล้วหยุดที่โซฟาตัวใหญ่
“ไม่ได้ๆ ผมจะให้แขกนอนโซฟาได้ยังไง”
จงอินประคองให้เซฮุนไปนั่งบนโซฟา เขาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วจับข้อเท้าซ้ายของเซฮุนขึ้นมาเบาๆ
“คะ คุณหมอ ไม่ต้องหรอกครับ”
“ให้ผมดูเถอะ นี่คุณกระโดดลงมาจากชั้นสองเชียวนะ”
“แต่ว่า...”
จงอินเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย สายตาจริงจังของเขาทำให้เซฮุนไม่พูดอะไรต่ออีก จงอินจับดูสักพักพลางถามอาการไปด้วย โชคดที่ดูเหมือนจะไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ จงอินนวดยาให้แล้วเอาผ้าพันไว้ก่อน
“พรุ่งนี้ค่อยไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลอีกทีนะ”
เซฮุนพยักหน้าช้าๆ เปลือกตาหรี่ลงคล้ายง่วงนอน คงจะเหนื่อยกับเรื่องที่เพิ่งผ่านมาไม่ใช่น้อย
“เซฮุนพักผ่อนเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวผมพาไปที่ห้องนะ”
เซฮุนลุกตามอย่างว่าง่าย พอไปถึงเตียงก็ล้มตัวลงนอนอย่างไม่อิดออด เปลือกตาหลับลงแทบจะในทันที จงอินคลุมผ้าห่มให้จนถึงอก นั่งมองใบหน้าอันเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายด้วยความสงสาร เซฮุนอายุยังน้อยแต่กลับผ่านอะไรมามาก ต้องเจอกับเรื่องเศร้าตั้งแต่เด็ก ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังเข้มแข็งและมีจิตใจที่งดงาม นั่นเป็นสิ่งที่จงอินประทับใจในตัวเด็กคนนี้
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ”
“หืม ยังไม่หลับอีกเหรอ”
“เกือบๆแล้วล่ะครับ” เซฮุนพูดเหมือนกำลังละเมอทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่ ทำเอาจงอินต้องกลั้นหัวเราะ
“ดีแล้วล่ะ นอนหลับฝันดีนะครับ” จงอินลูบศีรษะของเด็กน้อยเซฮุนอย่างแผ่วเบา ดูท่าทางเซฮุนจะชอบ
“คุณหมอทำไมถึงใจดีกับผมจังเลยล่ะ”
“บอกไปตั้งหลายทีแล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือไง แล้วก็เลิกเรียกผมว่าคุณหมอๆสักทีสิ ฟังแล้วดูห่างเหินจัง”
คราวนี้เซฮุนลืมตาขึ้นมามอง หน้าตายุ่งๆเหมือนโดนปลุกให้ตื่นนอน
“...จะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ”
จงอินทำท่าคิดไปสักพัก เอื้อมมือมาบีบจมูกของคนตรงหน้าให้โวยวายเล่นก่อนจะตอบ
“พี่จงอิน ดีมั้ย”
TBC