Lovesick
oneshot
sehun/jongin/chanyeol
#ficbymanatsu
lovesick = a deep, often depressing, feeling of wanting to find love; to be longing for love; to be without a companion to share ones life with, though it is desired deeply.
ชานยอลเดินสะดุดกระป๋องเปล่าในความมืด เขากำลังคลำหาสวิทช์ไฟ แต่แสงจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาทำให้เขามองเห็นร่างผอมบางของเด็กหนุ่มที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟา
มือข้างหนึ่งของเซฮุนยังถือกระป๋องเบียร์เอาไว้ ชานยอลเดินเข้าไปหาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาค่อยๆดึงสิ่งนั้นออกจากมือของเซฮุนแล้วมาถือเอาไว้เอง เบียร์ในกระป๋องยังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง
‘เฮ้’ นิ้วเรียวค่อยๆเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าของเซฮุนออกอย่างเบามือ
เซฮุนยกมืออีกข้างมาขยี้ตาก่อนจะเพ่งมองคนที่โน้มตัวอยู่เหนือโซฟา
‘พี่ชานยอลเองเหรอ’
‘ใช่ พี่กลับมาแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ’ ชานยอลชูกระป๋องเบียร์ในมือโบกไปมาตรงหน้าน้องชาย
‘พี่เทาบอกให้หัดกิน แล้วผมเองก็อยากหัดกินด้วยครับ’ เซฮุนตอบเสียงเบาแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ดูจากสีหน้าแล้ว ชานยอลรู้ดีว่าเซฮุนกำลังปวดหัว คงเพราะดื่มแอลกอฮอล์มากไป
‘ปวดหัวเหรอ’ มือเย็นของชานยอลแตะไปตามใบหน้าและจบที่หน้าผาก
‘อือ’
‘เด็กหนอเด็ก’
‘อือ ก็เด็กจริงๆ แล้วทำไมเล่า’
เซฮุนปัดมือชานยอลออกแล้วพลิกตัวหันไปอีกทาง ชานยอลหลุดขำเบาๆ ท่าทางแสนงอนแบบนี้ของเซฮุนเขาเพิ่เคยเห็น
‘แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ไม่ไปนอนในห้อง แล้วคนอื่นๆล่ะ’
ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นข้างๆโซฟา มองแผ่นหลังของเซฮุนที่เพิ่งหันหนีไป กลิ่นของแอลกอฮอล์ผสมกับกลิ่นหวานๆของน้ำอัดลมและกลิ่นอาหารยังคงทิ้งตัวเองหลงเหลือไว้ในห้องนั่งเล่น เป็นหลักฐานว่าเพิ่งจะจบงานเลี้ยงขนาดย่อมไปไม่นาน
‘ไปนอนกันหมดแล้ว ผมเบื่อๆเลยนอนเล่นอยู่ตรงนี้’
ชานยอลอมยิ้ม เซฮุนคงจะรอเขากลับมา
‘งั้นพี่ไปนอนบ้างดีกว่า ดึกแล้ว’ เขาทำท่าจะลุกออกไป พอดีกับที่เซฮุนเอี้ยวตัวมามอง
‘คนนิสัยไม่ดี’
‘เอ้า มาว่ากันอีก’
‘กลับก็ดึก แถมยังจะทิ้งให้น้องนอนอยู่อย่างนี้เหรอครับ’
เสียงเศร้าๆของเซฮุน ทำให้หัวใจของชานยอลสั่นไหวอย่างง่ายดายเหลือเกิน
‘งั้นไม่ไปก็ได้ จะนอนอยู่ข้างๆตรงนี้แหละ’
ชานยอลทิ้งตัวลงนอนราบที่พื้นข้างโซฟาเสียอย่างนั้น จนเซฮุนต้องก้มลงมามองอย่างแปลกใจ
‘ส่งมือมาหน่อยสิ เซฮุนนา’
เสียงอ้อนๆของคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ทำให้คนเป็นน้องใจอ่อน เซฮุนนอนตะแคงข้างแบบที่เขาทำจนติดนิสัยแล้วส่งมือลงไปข้างล่าง ชานยอลจับมือของเซฮุนไว้ด้วยมือทั้งสองข้างที่เริ่มจะอบอุ่นขึ้นแล้ว
‘อีกห้านาทีจะเที่ยงคืน เห็นมั้ย บอกแล้วว่าพี่กลับมาทันวันเกิดของเรา’ ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย เขาบีบมือของเซฮุนเพื่อส่งผ่านความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะบรรจงสวมสร้อยข้อมือสีเงินที่สลักชื่อเจ้าของวันเกิดให้กับข้อมือขาวบาง
‘สุขสันต์วันเกิดนะเซฮุนของพี่’
เช้าวันถัดมาหลังงานวันเกิดของเซฮุน หลายคนในบ้านยังหลับสนิทอยู่ มีเพียงแค่สองพี่น้องที่กำลังกินอาหารเช้าทำเองอย่างไข่ดาวและไส้กรอกอยู่ลำพัง
เซฮุนไม่นึกว่าชานยอลจะกลับบ้านด้วยซ้ำ พอชานยอลถามว่าทำไมน้องชายคนดีก็อึกอัก แสร้งเปลี่ยนเรื่องไปว่าทำไมเมื่อคืนตัวเขาถึงกลับมานอนอยู่บนเตียงได้ จะเป็นใครไปเสียอีกที่อุ้มเซฮุนเข้ามานอนในห้องแถมยังเปลี่ยนเสื้อและเช็ดตัวให้เพราะกลัวจะไม่สบายตัว
‘ขอบคุณนะครับ’ เซฮุนยิ้มให้ทั้งใบหน้าและดวงตา
ชานยอลรู้ดีว่าความหมายของคำขอบคุณนี้หมายถึงอะไรบ้าง ขอบคุณที่ช่วยพากลับเข้ามานอนในห้อง ขอบคุณที่กลับมาหาทันในคืนวันเกิด ขอบคุณที่ดูแลอย่างดีมาตลอด...
‘วันนี้พี่จะพาพยอลไปต่ออายุพาสปอร์ตแล้วก็ไปเดินเล่นด้วย เซฮุนไปกับพี่มั้ย’
รอยยิ้มของเซฮุนเจื่อนลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงยิ้ม
‘ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมมีเรียนวาดสีน้ำมันที่แกลเลอรี่น่ะครับ พี่ชานยอลคงจะลืมไป’
‘จริงด้วยสิ’
‘เพราะต้องออกไปไหนแต่ไหนแต่เช้าถึงได้กลับมาเร็วสินะครับ เข้าใจแล้ว’ เซฮุนพึมพำเบาๆ มือกำส้อมที่มีไส้กรอกค้างอยู่อย่างนั้น เซฮุนหมุนมันไปมาสุดท้ายก็วางลง
‘ต้องไปเตรียมตัวแล้วล่ะครับเดี๋ยวจะไม่ทัน พี่ชานยอลก็ด้วยนะ’
ชานพยักหน้าแล้วจัดการกับอาหารเช้าของตัวเองต่อ หางตาคอยเหลือบมองเซฮุนที่เดินขึ้นไปชั้นสอง พอดีกับที่จงอินกำลังเดินสวนลงมา
ลีฮาพยอลเป็นลูกสาวคนเล็กของคู่ค้าทางธุรกิจคนสำคัญของพ่อ ชานยอลกับพยอลเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อายุสิบห้า ก่อนที่พยอลจะย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศ พวกเขาก็ถูกจับให้หมั้นหมายกัน
‘เมื่อวานกลับไปทันงานวันเกิดของน้องมั้ย แล้วได้ให้ของขวัญวันเกิดจากฉันรึยัง’
พยอลเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็ติดจะไฮเปอร์หน่อยๆ เธอเอ็นดูเซฮุนมากทั้งที่เคยคุยกันแทบนับครั้งได้ คงเพราะรสนิยมที่ชอบคนน่ารักเงียบขรึม ถึงกับเอ่ยปากออกมาเองว่าถ้าเปลี่ยนคู่หมั้นจากชานยอลเป็นเซฮุนได้คงจะดี
‘ให้แล้ว น้องฝากขอบคุณเธอมาด้วยนะ เขากำลังเรียนสีน้ำมันอยู่พอดี’
พยอลให้หนังสือเกี่ยวกับภาพสีน้ำมันที่หอบหิ้วกลับมาจากอเมริกาเป็นของขวัญวันเกิดกับเซฮุน
‘แล้วนายล่ะ ให้อะไรน้อง’
‘ความลับ’
‘เชอะ ไม่ต้องบอกก็ได้ เมื่อวานฉันน่าจะไปงานวันเกิดน้องกับเธอด้วย จะได้ไปบอกว่าพี่ชายเขาใจร้ายขนาดไหน นัดให้ฉันบินกลับมาถึงในวันเกิดของน้องตัวเองพอดีน่ะ’
ชานยอลส่ายหน้าแล้วเสมองไปข้างนอกร้าน จากบานหน้าต่างของร้านกาแฟที่เขาพาคู่หมั้นสาวมานั่ง มองเห็นอาร์ตแกลเลอรี่เล็กๆ ที่กำลังจัดแสดงผลงานภาพสีน้ำมันของจิตรกรชื่อดังอยู่ รวมทั้งมีเปิดสอนเทคนิคการวาดสีน้ำมันให้กับคนที่สนใจอีกด้วย
‘แล้วเซฮุนจะได้หมั่นหน้านาย แล้วจะได้คุยกับพี่สาวอย่างฉันแทนไง’
‘เลอะเทอะชะมัด’ ชานยอลจิ้มหน้าผากของพยอลอย่างนึกขัน ทั้งที่ในใจกลับเก็บเอาคำพูดของเธอมาคิด
‘ก็ไม่รู้นายจะทำอย่างนั้นทำไมนี่ วันเกิดน้องก็ใช่ว่าจะลืม ความจริงฉันกลับมาอาทิตย์หน้าก็ได้’
‘ถ้าเซฮุนรู้เขาคงโกรธฉัน แต่นั่นก็ดีแล้วล่ะ...’
สายตาของชานยอลยังไม่ละออกไปจากบานหน้าต่าง เขามองเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาจากประตูกระจกใส คาดว่าการเรียนวาดภาพคงจะจบแล้ว รวมทั้งร่างคุ้นตาของน้องชายก็ปะปนออกมาพร้อมกัน ใบหน้ามีรอยยิ้มติดอยู่จนชานยอลอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แต่รอยยิ้มของเซฮุนมีให้คนที่เดินมาคู่กันข้างกาย เป็นคนที่เขาก็คุ้นเคยอย่างดีเช่นกันเพราะเป็นเพื่อนสนิทของเขา กระเป๋าผ้าคานวาสใบเก่งที่เซฮุนใช้ใส่อุปกรณ์วาดภาพ จงอินเป็นคนถือให้
ชานยอลยิ้ม แล้วหันกลับมามองพยอลที่นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือ
ตอนเด็กๆพ่อบอกว่าเวลาคนเรายิ้มเป็นเพราะเรากำลังมีความสุข แต่ตอนนี้ชานยอลไม่ได้ยิ้มเพราะกำลังมีความสุขเลยสักนิด
หลังจากกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารเกาหลีใกล้ๆบ้านของพยอลเสร็จ ชานยอลก็พาคู่หมั้นไปส่งที่บ้าน ทั้งๆที่ตัวเธอเองอยากมาเยี่ยมเซฮุนที่บ้านเต็มแก่ แต่โดนชานยอลขัดว่าเดี๋ยวจะดึกเกินไป
ในบ้านของเขาตอนนี้เงียบสงบปราศจากเสียงครื้นเครงที่ปกติจะมาจากจื่อเทา คืนวันเสาร์แบบนี้ก็ไม่แปลกนักที่เพื่อนๆของเขาจะไม่อยู่บ้าน แต่แสงไฟจากห้องครัวเปิดอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นน้องชายของเขา
ชานยอลเปิดประตูเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ ไม่ส่งเสียงบอกให้ใครรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ในห้องครัวมีเซฮุนอยู่จริงๆ รวมถึงจงอินด้วย ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเก็บโต๊ะอาหารที่เพิ่งกินเสร็จ อบอวลไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะอันแผ่วเบา
บรรยากาศอบอุ่นที่ล้อมรอบตัวทั้งคู่ทำให้ชานยอลไม่กล้าเข้าไปหา เหมือนกับทุกครั้งที่เขาเจอทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน และทุกครั้งชานยอลจะเข้าไปทลายกำแพงนั้นเพื่อแยกเซฮุนออกมา
แต่ครั้งนี้คงไม่จำเป็น
‘พี่ชานยอลกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย’ เซฮุนที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวพร้อมด้วยไอศกรีมถังใหญ่ถาม ดูตกใจนิดหน่อย
‘อายุเท่านี้หูไม่ดีแล้วเหรอเรา’ ชานยอลนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาด้วยชุดเดิมที่ใส่ออกไปนอกบ้าน
เซฮุนเดินมานั่งข้างๆ ตามด้วยจงอินที่ถือขวดน้ำอัดลมและถุงขนมมานั่งบนเบาะที่พื้น
‘เดี๋ยวเราจะดูหนังกัน นายจะไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ’
‘จะดูหนังกันเหรอ’
‘ครับ วันนี้เป็นมูฟวี่ไนท์ไง เดี๋ยวพวกพี่เทาก็กลับมา’
จริงสินะ หมู่นี้ชานยอลดูจะลืมอะไรไปหลายอย่าง
‘งั้นไปอาบน้ำก่อนนะ รอเจ้าพวกนั้นกลับมาคงพอดี’
พอชานยอลกลับออกมา ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว แบคฮยอนกำลังถือเฟรมรูปภาพสีน้ำมันภาพหนึ่งอยู่แล้วชมไม่ขาดปาก
‘สวยออกจะตายนะเซฮุนนา ขยันฝึกมากๆเดี๋ยวก็เก่งขึ้นเอง’
‘ขอบคุณครับ ผมจะพยายามให้มากขึ้นนะครับ’ เซฮุนยิ้มแล้วยื่นมือไปรับรูปนั้นกลับมาจากแบคฮยอน มันเป็นรูปภาพเหมือนของแจกันดอกไม้ธรรมดา คงจะเป็นแบบที่อาจารย์วางตั้งให้วาดตาม
‘อยากได้บ้างจังน้า รูปหน้าพี่จองนะ ต่อไปถ้านายดังล่ะก็ รูปมันต้องมีค่ามากแน่ๆ’ เทาพูดติดตลกพลางยื่นเท้าไปเขี่ยจงอินที่กำลังเลือกหนังอยู่
‘เซฮุนให้รูปนี้กับนายเหรอ’
‘ใช่’ จงอินตอบสั้นๆโดยไม่มองหน้าใคร
ชานยอลไม่แปลกใจนัก เซฮุนมักจะวาดรูปให้จงอินบ่อยๆ
‘ดูเรื่องนี้ก็แล้วกัน’
จงอินเลือกหนังไซไฟชื่อดังเรื่องหนึ่งออกมาแล้วไปนั่งประจำที่
เซฮุนนั่งข้างชานยอลเหมือนเดิม มันเหมือนเป็นที่ประจำทุกครั้งเวลานั่งดูหนังพร้อมกันทั้งบ้าน ชานยอลชอบที่จะลูบผมของเซฮุนเล่นไปด้วยระหว่างดู และมันทำให้เซฮุนหลับก่อนหนังเรื่องที่แรกจะจบด้วยซ้ำ
พอจบหนังเรื่องแรก ชานยอลก็เดินออกมานอกบ้านเพื่อสูบบุหรี่ เขานั่งบนหินที่สวน มองดูต้นไม้ในความมืดพลิ้วไหวตามแรงลม กลิ่นหอมของดอกอะไรสักอย่างที่เซฮุนปลูกไว้อบอวลปะปนกับกลิ่นบุหรี่
จงอินเดินมายืนข้างๆ และจุดบุหรี่ขึ้นสูบเช่นกัน
‘เป็นยังไงบ้างวันนี้ นายไปรับเซฮุนที่แกลเลอรี่เหรอ’
‘อืม’
จงอินตอบสั้นๆ อัดควันบุหรี่เข้าปอด แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
‘ความจริงแล้ว... วันนี้ฉันขอคบกับเซฮุน’
‘..........’
‘แต่เซฮุนปฏิเสธ ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุดจนฉันไม่กล้าพูดอะไรต่อ ...แล้วเขาก็ให้รูปที่เพิ่งวาดกับฉัน เขาบอกว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาให้ฉันได้’
ชานยอลนิ่งฟังจนก้นบุหรี่หล่นบนพื้นหญ้า
‘เซฮุนมองฉันเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่งมาตลอด เขาบอกว่า...ความรู้สึกของฉัน เขารู้มาตลอด แต่ก็ไม่สามารถตอบแทนได้…’
‘นายก็เหมือนกันใช่มั้ยล่ะชานยอล ความรู้สึกของเซฮุนน่ะ...นายเองก็รู้มาตลอดเหมือนกัน’
แต่ชานยอลก็ไม่สามารถตอบแทนได้ ทำไม่ได้แม้แต่กระทั่งยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
‘ถ้าพวกเราเรียนจบแล้วจะเป็นยังไงกันต่อนะ’
แบคฮยอนพูดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมที่จะออกไปเรียน มีเพียงแบคฮยอนกับคยองซูที่มีเรียนตอนบ่าย แต่ก็ยังตื่นมากินอาหารเช้าพร้อมกัน
‘คงคิดถึงตอนอยู่ที่นี่น่าดู’
พอเรียนจบต่างคนต่างก็มีเส้นทางที่แตกต่างกันไป จื่อเทาคงจะกลับไปรับหน้าที่ช่วยดูแลบริษัทของพ่อที่บ้านเกิด จงอินก็เช่นกันที่ต้องเข้าทำงานที่บริษัทของครอบครัว แบคฮยอนจะสมัครทำงานที่นิตยสารชื่อดัง คยองซูจะไปเรียนต่อเป็นเชฟมืออาชีพ
‘ทุกคนต้องโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะครับ’
เซฮุนหัวเราะร่วนเมื่อถูกพี่ๆรุมตีอย่างเอ็นดู
‘ร้ายกาจจริงๆเจ้าเด็กคนนี้’
‘พี่จะคิดถึงผมกันมั้ยครับ’
คิดถึงสิ!...ทุกคนตอบพร้อมกันโดยไม่ต้องคิด
‘แล้วพวกนายสองพี่น้องล่ะ’
จื่อเทาหันมาถามชานยอลที่นั่งยิ้มระหว่างมองภาพตรงหน้า
‘ฉันคงไปเรียนต่อที่อเมริกากับพยอล’
‘ส่วนเซฮุน คงจะย้ายตามพ่อไปอังกฤษ’
‘โกรธรึเปล่าที่พ่อจัดการเรื่องเรียนต่อให้โดยไม่บอกนาย’
‘ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่าคุณพ่อหวังดี’
เซฮุนเป็นเด็กดีมากนะ... ชานยอลจำคำบอกเล่าที่พ่อพูดให้ฟังตั้งแต่ครั้งแรกได้ และชานยอลก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงทีเดียว
เขามองใบหน้าด้านข้างของเซฮุนที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ทั้งที่วิวสองข้างทางก็เหมือนเดิมทุกเช้า แต่เซฮุนกลับมองเห็นถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน
เขาเป็นเด็กละเอียดอ่อนมาก ...เรื่องจริงทีเดียว
ฝากลูกช่วยดูแลน้องด้วย พ่อไว้ใจลูกนะ
ชานยอลยิ้ม... เขาแทบไม่เคยทำให้พ่อต้องผิดหวัง ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งนั้น ตอนที่พ่อบอกให้เซฮุนมาอยู่บ้านเดียวกับเขาด้วยความหวังว่าจะทำให้เซฮุนหายจากความเศร้า แน่นอนว่าความมุ่งหมายของพ่อสำเร็จด้วยดี เซฮุนกลับมาสดใสอีกครั้งพร้อมด้วยความรู้สึกนึกคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ชานยอลยังคงยิ้มอยู่ ถึงแม้เซฮุนจะลงจากรถไปแล้ว คำบอกลาเสียงเบาของน้องชายยังก้องอยู่ในหู เขารู้เพียงแค่ว่าการได้ยินเสียงของเซฮุนทุกวัน ได้เจอหน้ากันทุกเช้าก็ทำให้เขามีความสุขมากพอจนยิ้มออกมาได้เหมือนอย่างตอนนี้ เขาไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว
เซฮุนจะเป็นน้องชายที่น่ารักของเขาตลอดไป
E N D