white winter hymnal (part 1)
◆ multi-shot ; rating pg13
◆ kai / sehun
◆ another shade of fairy tale series
รอบตัวของเซฮุนมีแต่หิมะ
เขากำลังเดินตามขบวนสินค้าของพ่อไปยังที่ๆไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เส้นทางที่กำลังเดินผ่านนั้นช่างสวยงามจนเซฮุนหยุดชื่นชมอยู่หลายครั้ง หิมะกองสูงสองข้างทางเพื่อแหวกเป็นถนนให้รถบรรทุกสินค้าวิ่งผ่าน ทิวป่าสนที่กลายเป็นสีขาวเพราะหิมะคล้ายถูกผ้าห่มแสนอ่อนนุ่มปกคลุมอยู่ ทุกครั้งที่เผลอหยุดมอง พี่ชายที่เดินนำอยู่ข้างหน้าต้องหันกลับมาบอกให้เขารีบเดินตามไวๆ
ระหว่างการเดินทางนั้นไม่มีใครพูดคุยกันเลย บรรยากาศโดยรอบมีแต่ความเงียบงันและเสียงของลมหนาวที่พัดมาเป็นระยะ น่าแปลกที่เซฮุนได้ยินแต่เสียงฝีเท้าของตัวเองคล้ายกับว่าเขากำลังเดินอยู่คนเดียว
ขบวนสินค้าเดินทางมาถึงริมทะเลสาบที่ผิวหน้ากลายเป็นน้ำแข็ง
“เราจะผ่านไปได้เหรอครับ” เซฮุนดึงเสื้อคลุมของพี่ชายเอาไว้ แต่พี่ชายกลับไม่ตอบอะไร ขบวนทั้งหมดค่อยๆเคลื่อนลงไปในทะเลสาบอย่างเงียบเชียบ เสียงรองเท้าบู้ทบุขนสัตว์กระทบกับแผ่นน้ำแข็ง เกิดเป็นเสียงที่น่ากังวลใจแปลกๆ เซฮุนพยายามเดินอย่างมั่นคงไม่ให้ตัวเองลื่น จนกระทั่งเชือกรองเท้าที่หลุดอยู่ก่อความน่ารำคาญใจจนต้องก้มตัวลงไปผูก
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างที่เคยอยู่ข้างหน้ากลับหายไป
เป็นไปไม่ได้...
เซฮุนส่งเสียงเรียกพี่ชายที่เคยเดินนำหน้าเขาอยู่ตลอด สองเท้ารีบก้าวไปข้างหน้า
เป็นไปไม่ได้...
คนตั้งมากมายจะหายไปในที่โล่งแบบนี้ได้อย่างไร เซฮุนรีบเดินจนไม่ทันได้ยินเสียงน้ำแข็งที่กำลังปริแตก จู่ๆเส้นทางน้ำแข็งข้างหน้าก็เกิดรอยร้าวขึ้นมา และค่อยๆแยกออกจนเห็นน้ำที่อยู่ข้างใต้
มันเป็นน้ำสีแดงสดเหมือนกลีบกุหลาบ
เซฮุนกรีดร้องเมื่อจู่ๆเขาก็ถูกผลักจนตกลงไปในน้ำสีเลือดนั้น น้ำเย็นเฉียบเหมือนมีดที่กรีดแทงเข้าไปในผิวหนัง เซฮุนหลับตาลงและไม่รับรู้อะไรต่อจากนั้นอีก
มันเป็นแค่ความฝัน
แค่ฝัน
เซฮุนบอกตัวเองแบบนี้ทุกครั้งเมื่อตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ผิวกายของเขาเย็นเฉียบทั้งที่กำลังห่มผ้า อากาศในห้องนอนก็อบอุ่นดังเช่นฤดูใบไม้ผลิ แต่ในความรู้สึกของเซฮุนตอนนี้เหมือนเขาเพิ่งขึ้นมาจากทะเลสาบเย็นเฉียบนั้นจริงๆ
ความฝันแบบนี้เขาไม่ได้ฝันถึงมันเป็นครั้งแรก นานๆครั้งเซฮุนจะฝันถึงมัน แต่ช่วงนี้มันกลับถี่ขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรหรอก มันแค่ความฝันนะเซฮุน”
-----
บ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ห่างออกมาจากบ้านหลังอื่นพอสมควรหลังนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขา พื้นที่รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดที่ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ดอก ถัดจากสวนที่รายล้อมตัวบ้านออกมาคือสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ตรงกลางมีเรือนกระจกตั้งอยู่ เด็กหนุ่มร่างผอมบางกำลังเปิดก็อกน้ำเพื่อรดน้ำต้นไม้ในสวนทั้งหมดด้วยท่อส่งน้ำที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเอง
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าเป็นสิ่งที่เซฮุนชอบมากที่สุด แม้อากาศจะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆเมื่อฤดูใบไม้ร่วงใกล้เข้ามา แต่เพียงแค่มองเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใสและแสงของดวงอาทิตย์ก็ทำให้เซฮุนมีกำลังใจ
“วันนี้ต้องเป็นวันที่ดี” เซฮุนบอกกับตัวเองทุกเช้าเมื่อตื่นนอน หลังลุกขึ้นจากเตียง สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือการไปกล่าวอรุณสวัสดิ์กับพ่อ
พ่อของเซฮุนนอนหลับใหลอยู่บนเตียงแบบนี้มาได้เกือบปีแล้ว
ตั้งแต่หลังบริษัทขนส่งของพ่อล้มละลายได้สามเดือน พวกเขาต้องย้ายครอบครัวออกมาอยู่บ้านเก่าของย่าในชนบทหลังจากที่บ้านเดิมถูกธนาคารยึดไป พ่อของเซฮุนก็เอาแต่กินเหล้าเมามาย ในวันที่ฝนตกหนักวันหนึ่ง ทั้งพ่อและพี่ชายของเซฮุนยังไม่มีใครกลับบ้านสักที ก็มีโทรศัพท์มาบอกว่าพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุตกเขา และเขาก็ไม่ตื่นขึ้นมาเลยหลังจากนั้น
ในบรรดาพี่น้องเซฮุนเป็นลูกคนเล็ก เขาอายุห่างจากพี่สาวคนโตถึงสิบเอ็ดปี เธอแต่งงานออกไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเหลือพี่ชายแค่คนเดียวเป็นที่พึ่ง ซูฮยอนพี่สาวคนโตส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวเป็นระยะ ในขณะที่ซึงโฮได้งานทำในเมืองเมื่อหลายเดือนก่อน จึงเหลือเซฮุนเพียงคนเดียวอยู่ที่บ้าน
เซฮุนไม่ได้ไปโรงเรียนอีกหลังจากที่พ่อตกเขา ซึงโฮลงทุนทำสวนดอกไม้ให้เซฮุนปลูกไปขาย มันเป็นความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวที่เซฮุนมี นั่นคือการปลูกดอกไม้ได้สวยงามยิ่งกว่าใคร ทุกเช้าเซฮุนจะตัดดอกไม้แล้วส่งออกไปขายตามร้านดอกไม้ต่างๆ ดอกไม้ที่ปลูกจากมือของเซฮุนนั้นขายดีมากที่สุดในร้าน
งานดูแลต้นไม้เป็นสิ่งที่เขาชอบมาตั้งแต่ยังเด็ก พ่อบอกว่าแม่ของเซฮุนก็ปลูกดอกไม้เก่งแบบนี้เหมือนกัน
เซฮุนไม่เคยเห็นหน้าแม่มาก่อนเพราะเธอจากไปหลังจากคลอดเขาได้ไม่กี่วัน ไม่มีใครโทษว่าเป็นเพราะเซฮุน กลับกันทุกคนในบ้านต่างให้ความรักกับลูกชายคนเล็กคนนี้มากราวกับจะทดแทนที่เขาเสียแม่ไป เซฮุนเติบโตขึ้นมาเป็นคนจิตใจอ่อนโยนและเข้มแข็ง เขาเชื่อว่าทุกวันจะต้องเป็นวันที่ดี ตั้งแต่ย้ายบ้านมาที่ชนบทเซฮุนไม่เคยบ่นว่าทุกข์ร้อนอะไร กลับกันเขารู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่อย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติแบบที่นี่
อากาศในยามบ่ายวันนี้ร้อนอบอ้าวมากกว่าทุกวัน พอเซฮุนชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างก็พบว่าฟ้ากำลังมืดครึ้ม เขารีบวิ่งออกไปดึงผ้าใบมาคลุมแปลงต้นอ่อนก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหนัก เซฮุนเปียกไปหมดทั้งตัวเมื่อเขาวิ่งกลับเข้ามาอยู่ใต้ชายคาบ้าน ทันใดนั้นเสียงรถยนต์ก็ดังเข้ามาใกล้ท่ามกลางเสียงฝน
เป็นพี่ซึงโฮหรือเปล่านะ แต่พี่ซึงโฮของเขาขายรถทั้งหมดที่เคยมีไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาจนเซฮุนต้องยกมือขึ้นบังหน้า
ผู้ชายในชุดสูทสีดำสองคนก้าวลงมาพร้อมกับร่มคันใหญ่ เซฮุนตัวสั่นไม่ใช่เพราะความหนาวเพียงอย่างเดียว เขาอยากวิ่งหนีเข้าบ้านแล้วล็อคประตูซะ แต่ขากลับยังยืนนิ่งอยู่กับที่
“เธอคือโอเซฮุนใช่มั้ย”
“เธอต้องไปกับฉัน”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่เซฮุนจะเข้าใจ ก่อนที่เซฮุนจะผลักประตูหนีเข้าบ้านอย่างที่คิดไปแต่แรก ชายชุดดำคนที่ตัวสูงกว่าก็มาอยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว
แล้วเซฮุนก็ไม่รับรู้อะไรต่อจากนั้นอีก
-----
การเดินตามรถบรรทุกสินค้าท่ามกลางกองหิมะนั้นหนาวเหน็บจับใจแต่ก็สนุกมากเช่นกัน ทุกคนช่วยกันโกยหิมะข้างหน้าออกเพื่อแหวกเป็นทางให้รถวิ่ง เขาจำได้ว่าเคยทำเพียงครั้งเดียวตอนเป็นเด็กเพราะหลังจากนั้นพ่อก็ไม่ยอมพาเขาไปด้วยอีก
เซฮุนกำลังฝันแบบเดิมอีกครั้งรึเปล่า ทำไมมันถึงหนาวจับใจขนาดนี้
เขาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกปวดหัวรุนแรงจนต้องเบ้หน้า สายตามองไปรอบห้องก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้อยู่ในบ้านของตัวเอง
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงคนแปลกหน้าดังขึ้นจากไม่ไกล เซฮุนหันไปมองก็พบชายชุดดำคนเดียวกับที่อยู่หน้าบ้านของเขายืนอยู่ตรงกรอบประตู
“คุณพาผมมาที่ไหน” เขาถอยตัวเองออกห่างทันทีที่ชายคนนั้นทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้
เซฮุนกวาดตามองไปรอบๆ เขาอยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผ้าไหมและหินอ่อน มีประตูกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นระเบียงและวิวด้านนอก ส่วนประตูอีกบานคงเป็นประตูห้องน้ำ และประตูบานที่ชายชุดดำยืนกั้นไว้คงเป็นประตูทางออก
“ต่อไปนี้ที่นี่จะเป็นบ้านของเธอ ฉันคงบอกได้แค่นี้ ไปล่ะ” จู่ๆชายคนนั้นก็หันหลังแล้วออกไปเสียเฉยๆ เซฮุนรีบลงจากเตียงตามไปทันทีแต่ก็ถูกปิดประตูใส่หน้า
“เดี๋ยวก่อนสิ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้” เซฮุนทุบประตูไปหลายที แต่พอจับลูกบิดหมุนดูมันกลับเปิดออกอย่างง่ายดาย ประตูไม่ได้ถูกล็อคไว้อย่างที่เขาเข้าใจ
ข้างนอกห้องเป็นทางเดินยาวที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยรูปวาดมากมาย เซฮุนมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินออกมา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ที่มีเนื้อผ้าอ่อนนุ่ม เมื่อดูจากแสงข้างนอกเดาว่าตอนนี้คงเป็นเวลาเย็นๆ เซฮุนต้องกลับบ้าน พ่อของเขาอยู่ที่นั่นคนเดียวไม่ได้
ทางเดินยาวนั้นพาเขามาถึงโถงบันไดใหญ่ ระหว่างทางเขาเห็นประตูมากมายที่ถูกล็อคเอาไว้แต่เซฮุนไม่มีเวลามาสงสัย พอลงบันไดมาก็พบกับประตูบานใหญ่ที่เปิดกว้างราวกับจะเชื้อเชิญให้เขาออกไป น่าแปลกที่เขาไม่เห็นใครสักคนในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ในเมื่อเปิดประตูทิ้งไว้เองก็ช่วยไม่ได้ เขารีบวิ่งไปให้ถึงประตูแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไป เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง
“ต่อให้ออกจากที่นี่ไปได้... เธอก็กลับบ้านไม่ได้หรอก”
เซฮุนรีบหันกลับไปทันที เขาคิดว่าจะได้เจอชายชุดดำคนเดิมแต่ไม่ใช่ ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่บันไดชั้นบนสุด เขาสวมเสื้อผ้าสีดำทั้งตัวคล้ายๆกับคนก่อนหน้า แต่ผู้ชายคนนี้สวมหน้ากากรูปเสือดำปิดบังหน้าตาจนหมด
“ทำไมล่ะ”
“ที่นี่มีทะเลสาบล้อมรอบทุกด้าน พูดง่ายๆว่ามันเป็นเกาะ ถ้าเธอว่ายน้ำได้แข็งพอก็อาจจะออกไปได้”
...แต่เซฮุนว่ายน้ำไม่เป็น
“พ่อของเธอถูกย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันจ้างพยาบาลพิเศษให้ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ที่บ้านไม่มีอะไรให้เธอกลับไปหาอีก”
“เดี๋ยวนะ ผมไม่เข้าใจ”
“อยากรู้เหตุผลว่าทำไมจู่ๆถึงต้องมาอยู่ที่นี่ล่ะสิ ...เรื่องมันก็เพราะพ่อเธอทั้งนั้น อยากจะบอกให้ไปถามพ่อของเธอเอาเองอยู่หรอก แต่เขาดันนอนเป็นผักอยู่ น่าสมเพชจริงๆ”
เซฮุนกำมือแน่นด้วยความโกรธ คนๆนี้เป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาว่าพ่อของเขา ใช่ เซฮุนอยากรู้เหตุผล แต่ผู้ชายคนนี้คงไม่ยอมบอกอะไรง่ายๆ
“ผมไม่มีความจำเป็นต้องฟังคุณ”
“หืม... แน่ใจแล้วเหรอ”
“คุณอาจจะโกหกก็ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนผมก็ต้องกลับบ้าน”
ผู้ชายคนนี้กวนประสาท เซฮุนรีบหันหลังแล้ววิ่งออกไปจากบ้านอย่างเร็วที่สุด แม้หัวจะปวดเหมือนแทบระเบิดแต่เซฮุนก็ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ
เพียงแค่ออกมาพ้นประตูบ้านไปไม่เท่าไรถึงได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นพูดจริง เบื้องหน้าของเขาคือทะเลสาบผืนใหญ่ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาแทบทุกด้าน เซฮุนเดินลงไปจนสุดขอบทางแล้วทรุดตัวลงนั่ง มองดูผืนน้ำที่นิ่งสงบราวกับกำลังเชิญชวนให้เขายื่นมือไปสัมผัส คลื่นเล็กๆปะทะกับตลิ่งอย่างแผ่วเบา
เซฮุนรู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ แต่เขาไม่คิดจะหันกลับไปดู
“ที่นี่เป็นเกาะ ถ้าไม่เชื่อลองเดินวนดูก็ได้ แต่จะเหนื่อยเอาเปล่าๆ ถ้าเดินเล่นเสร็จแล้วให้รีบเข้าบ้าน อาหารเย็นเริ่มตอนหนึ่งทุ่มตรง”
-----
ไม่มีทางไหนที่จะหนีออกไปได้โดยไม่ใช้เรือ
เซฮุนใช้เวลาที่เหลือก่อนพระอาทิตย์ตกดินเดินวนรอบเกาะแห่งนี้ไปจนสุดทาง สุดท้ายเขาก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านอีกครั้ง ไม่สิ ต้องเรียกว่าเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กินพื้นที่ไปหนึ่งในสี่ของเกาะ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ท้องฟ้าที่มืดลงมีแสงจันทร์เข้ามาแทนที่
แสงไฟจากข้างในตัวบ้านเรียกให้เซฮุนเดินกลับเข้าไป เดินผ่านซุ้มไม้ดอกที่ประดับตกแต่งเป็นทางเข้าไปสู่ลานหน้าบ้านที่พื้นปูตกแต่งด้วยหินกรวดผิวเนียนเป็นลายวงกลม ตรงกลางมีบ่อน้ำพุตั้งอยู่ ตอนที่วิ่งออกมานั้นเซฮุนไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าบ้านหลังนี้สวยงามเพียงใด
ด้านหลังของตัวบ้านมีท่าเทียบเรือทำด้วยไม้ดูเก่าแต่แข็งแรง มีเรือเล็กจอดอยู่หนึ่งลำ มันถูกผูกไว้อย่างแน่นหนากับเสาไม้ หากต้องการขับมันออกไปต้องใช้กุญแจที่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านเก็บไว้ที่ไหน
เอาเถอะ ต่อให้มีกุญแจเซฮุนก็ขับเรือไม่เป็น วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อน ถึงอาการปวดหัวจะทุเลาลงแล้ว แต่เสียงท้องร้องก็ประท้วงขึ้นมา โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเซฮุนคงอับอาย...
“หิวแล้วเหรอคุณ รีบไปที่ห้องอาหารสิ นี่ก็ทุ่มกว่าแล้วเดี๋ยวไม่ทันหรอก”
เซฮุนสะดุ้งสุดตัว ร่างเล็กในชุดสีดำเดินผ่านไหล่ของเขาเข้าไปในห้องที่คาดว่าเป็นห้องอาหาร
ในห้องอันโอ่โถงนั้นมีคนอยู่สามคน หนึ่งคือชายชุดดำตัวสูงที่เป็นคนจับตัวเขามา สองคือชายชุดดำสวมหน้ากากที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หัวโต๊ะ และสามคือชายชุดดำร่างเล็กที่กำลังจัดวางอาหารมากมายลงบนโต๊ะ ทุกคนล้วนอยู่ในชุดสีดำยกเว้นเซฮุน
“เธอมาสาย ฉันบอกแล้วไงว่าทุ่มตรง”
เซฮุนเพียงแค่ยักไหล่แล้วเดินตรงมาที่โต๊ะ คนตัวสูงที่ยืนอยู่รีบมาเลื่อนเก้าอี้ที่ปลายสุดอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะให้เซฮุนนั่ง
ราวกับเป็นโต๊ะอาหารของพระราชา
โต๊ะอาหารขนาดใหญ่หรูหราถูกประดับด้วยดอกไม้และเชิงเทียนจนเซฮุนแทบจะมองไม่เห็นชายสวมหน้ากากที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ภายในห้องตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามบุผนังด้วยผ้าโทนสีน้ำเงินเข้มสลับกับรูปภาพทิวทัศน์ในกรอบสีทอง แสงเทียนและกลิ่นเครื่องหอมทำให้เซฮุนรู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด
ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างรับประทาน อาหารรสชาติดีถูกเวียนนำมาเสิร์ฟให้เซฮุนไม่หยุดหย่อน รวมทั้งไวน์แดงรสเลิศที่ถูกเติมเต็มแก้วตลอดเวลา ใช่ว่าเซฮุนจะเคยดื่มไวน์เป็นครั้งแรก แต่เขาไม่เคยดื่มจนลืมตัวแบบนี้
อาหารมื้อนี้จบลงเมื่อชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามโยนผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ จานชามทุกอย่างถูกนำออกไปอย่างรวดเร็วทั้งๆที่เซฮุนยังกินไม่เสร็จดี
“ชอบอาหารมื้อนี้ไหม?”
“ก็ดีครับ”
เขาเพียงแค่พยักหน้าแล้วทำท่าจะลุกออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลย”
ไม่รู้ว่าเซฮุนเอาความกล้ามาจากไหน อาจจะเพราะฤทธิ์ของไวน์และกลิ่นเครื่องหอมที่ลอยวนเวียนอยู่ในนี้ ถึงได้ไปดึงแขนผู้ชายคนนั้นเอาไว้
ชายร่างสูงสมส่วนในหน้ากากเสือดำหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง เขาก้าวถอยออกมาจนหลุดจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่มแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง เขาทำมือบอกให้เซฮุนไปนั่งอีกฝั่ง
“ฉันจะตอบข้อสงสัยของเธอ เท่าที่ตอบได้”
“คุณให้ผมมาอยู่ที่นี่ทำไมครับ แล้วตอนนี้พ่อของผมเป็นยังไงบ้าง คุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อกันแน่”
ชายหนุ่มท้าวข้อศอกลงกับโต๊ะ ประกายตาหลังหน้ากากนั้นดูขบขัน
“ทีละคำถามนะ
อย่างแรก เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพราะมันเป็นสัญญาระหว่างพ่อเธอกับฉัน อย่างที่สอง ฉันบอกไปแล้วว่าพ่อเธออยู่โรงพยาบาลมีคนดูแลอย่างดี และสาม...”
“จะเรียกฉันว่าเป็นอะไรดีล่ะ คนเคยรู้จักที่บังเอิญเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ล่ะมั้ง เสียใจด้วยนะที่ถึงตอนนี้เธอคิดจะกลับไปก็ไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว บ้านเชิงเขาและสวนดอกไม้ของเธอตกเป็นกรรมสิทธิ์ของฉันไปแล้วเรียบร้อย”
เซฮุนนั่งนิ่ง พูดไม่ออกด้วยความตกใจ คิดไม่ถึงว่าคนๆนี้จะเป็นเจ้าหนี้ และดูเหมือนพ่อจะติดหนี้เขาอยู่มากโข แต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันแปลกยิ่งกว่าใคร
“ตะ...แต่ว่าคุณจะให้ผมมาอยู่ที่นี่ทำไม มันไม่ยิ่งสิ้นเปลืองคุณเหรอครับ แล้วค่ารักษาของพ่ออีก อยู่ที่โรงพยาบาลคงจะแพงมาก...”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอก ตามสัญญาที่พ่อของเธอทำไว้ตั้งแต่ก่อนจะนอนแน่นิ่งก็คือเขาต้องชดใช้หนี้เมื่อลูกชายคนเล็กอายุครบสิบแปดปี และสิ่งที่ฉันขอมาเพื่อใช้หนี้ นั่งอยู่ตรงหน้านี้แล้ว”
“ฉันขอสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา...”
แม้เซฮุนจะมองไม่เห็นสีหน้าภายใต้หน้ากากนั้น แต่น้ำเสียงของเขาก็เหมือนจะกรีดเอาหัวใจของเซฮุนออกมาได้
“พ่อยกผมให้คุณเหรอ”
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยสินะ”
เซฮุนส่ายหน้าช้าๆ เสียงหัวเราะเบาๆของอีกฝ่ายยิ่งเรียกน้ำตาของเซฮุนให้ไหลออกมา แต่เซฮุนกลั้นมันไว้สุดความสามารถ
“เธอไม่ได้มาอยู่นี่แบบเจ้าหญิงในหอคอยหรอกนะ ฉันมีงานให้เธอทำ และถ้าทำไม่สำเร็จ พ่อของเธออาจจะไม่ได้นอนโรงพยาบาลอย่างสุขสบายแต่จะถูกโยนไปไว้ไหนก็ไม่รู้”
เขาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ดึงชายเสื้อคลุมสีดำให้เข้าที่ แล้วส่งเสียงเรียกคนๆหนึ่งเข้ามาหา
“ชานยอลจะบอกว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง ...พาเขากลับไปที่ห้องด้วย” ประโยคหลังนั้นเขาหันไปสั่งกับชายหนุ่มร่างสูง
คนที่ถูกเรียกว่าชานยอลโค้งให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม เขาคือคนที่ไปจับตัวเซฮุนมาที่นี่นั่นเอง
“ผมชื่อชานยอลนะ ในบ้านนี้มีคนอยู่ไม่กี่คนหรอก มีแค่ผม พ่อครัวชื่อดีโอ แล้วก็คนเลี้ยงหมาชื่อแบคฮยอน”
“เลี้ยงหมาเหรอ?”
“ช่าย มีหน้าที่พรรค์นั้นอยู่ด้วยล่ะ ความจริงผมน่ะทำงานหนักที่สุดแล้ว ทั้งดูแลบ้านขับรถขับเรือ... ไม่ต้องมองแบบนั้น ผมไม่ขับเรือพาคุณหนีออกไปแน่”
พวกเขาเดินมาจนสุดทาง ชานยอลเปิดประตูห้องที่มีลูกบิดสีทองออก มันคือห้องที่เซฮุนเคยมานอนอยู่นั่นเอง
“แล้วเจ้านายของคุณชื่ออะไร”
“นายท่านชื่อไคครับ”
“ไค...”
ไม่เคยได้ยินชื่อนี้จากพ่อมาก่อนเลย
“อาหารเช้ามีตอนเจ็ดโมงครึ่งนะครับ สักเจ็ดโมงสิบห้าผมจะมาเคาะประตู”
เซฮุนพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงเขาก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“นี่ชานยอล งานที่ไคบอกจะให้ผมทำคืองานอะไรเหรอ”
สีหน้าของชานยอลเปลี่ยนไปทันที
“เรื่องนั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็รู้เองครับ”
-----
บนโต๊ะอาหารตัวเดิมตอนเจ็ดโมงครึ่งมีเพียงเซฮุนนั่งอยู่คนเดียว
“ปกตินายท่านไครับอาหารเช้าบนห้องน่ะครับ”
ชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นคนอธิบาย
“ดีแล้วนี่ครับ”
เซฮุนก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารเช้าทันที เมื่อคืนเซฮุนนอนแทบจะไม่หลับด้วยความกังวลใจ เขาเป็นห่วงพ่อ เป็นห่วงบ้าน ป่านนี้พี่ชายและพี่สาวของเซฮุนจะรู้เรื่องนี้กันหรือยัง
“เดี๋ยวคุณเซฮุนเสร็จแล้วออกไปรอผมที่สวนนะครับ ผมขอตัวขึ้นไปหานายท่านก่อน”
ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะผลุนผลันออกไป
ทุกคนในบ้านล้วนสวมชุดสีดำ แม้แต่แบคฮยอนที่มีหน้าที่เลี้ยงหมาก็ยังใส่ชุดสีดำทั้งตัว ยกเว้นก็แต่เซฮุนเพียงคนเดียว...
ชานยอลเป็นคนบอกว่าให้ใช้ของทุกอย่างในห้องได้เหมือนเป็นบ้านตัวเอง เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ในตู้ก็เช่นกัน แต่มันแปลกตรงที่ทุกชุดล้วนมีสีสันสดใสราวกับทุ่งดอกไม้ เซฮุนจึงเลือกตัวที่สีกลมกลืนที่สุดอย่างสีน้ำตาลออกมาใส่ก่อน
“มันเป็นยูนิฟอร์มของพวกผมน่ะครับ นายท่านไม่ค่อยชอบพวกสีสดๆเท่าไหร่”
“อ้าว แล้วชุดของผมล่ะ ถ้าผมใส่เขาจะไม่ชอบรึเปล่าครับ”
“โอยไม่หรอกครับ ท่านอาจจะอยากให้บ้านนี้มีสีสันกับเขาสักทีก็ได้”
เซฮุนกำลังคุยกับแบคฮยอนที่บังเอิญได้เจอกันตอนพาฝูงหมามาเดินเล่นพอดี
สวนที่ชานยอลว่าอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน กินพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าที่เซฮุนคาดคิดไว้มาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสนามหญ้าเปล่าๆ ที่แบคฮยอนจะพาฝูงหมาออกมาวิ่งเล่นทุกวัน
“ดูเหมือนนายท่านจะกั้นพื้นที่ตรงรอบๆเรือนกระจกไว้ให้คุณเซฮุนนะครับ เจ้าเด็กๆพวกนี้จะได้ไม่ไปเหยียบ” แบคฮยอนพยักหน้าไปทางฝูงไซบีเรียนฮัสกี้ที่กำลังวิ่งไล่กันไปมาอย่างสนุกสนาน
“ผมต้องทำอะไรเหรอครับคุณแบคฮยอน”
“อ้าว นี่ชานยอลยังไม่ได้บอกเหรอ...”
“ก็ยังน่ะสิ”
เสียงของชานยอลมาก่อนตัว ชานยอลวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับถุงใบใหญ่ เขาวางแหมะลงตรงหน้าเซฮุนที่ก้มมองอย่างสนใจ ในถุงนั้นมีเมล็ดพันธุ์ที่เซฮุนไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
“เจ้าพวกนี้คืองานของคุณครับ”
“คุณต้องปลูกมันให้ขึ้นให้ได้ โดยต้องใช้เฉพาะดินที่มีบนเกาะนี้เท่านั้น นายท่านมีเมล็ดแบบนี้อีกเยอะมากในโกดัง คุณจะเอาไปเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่มันงอกออกมา ต้นเดียวก็ยังดีครับ”
เมล็ดของต้นไม้ที่ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้วิธีปลูก ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ...นี่เป็นงานที่ไม่ง่ายเลย
เซฮุนนั่งคัดแยกเมล็ดตามขนาด และเพราะไม่รู้ว่าควรจะปลูกยังไงจึงทดลองแบ่งบางส่วนไปแช่น้ำ และบางส่วนปลูกในกระถาง ให้อยู่ในร่มบ้าง โดดแดดบ้าง จะว่าไปแล้วเป็นงานที่ท้าทายมากทีเดียว
“เจ้าจะเติบโตออกมาเป็นแบบไหนกันนะ”
แต่ที่ยากก็เพราะอากาศหนาวขึ้นทุกวัน อีกไม่นานหิมะก็คงจะตกลงมา แม้จะมีเรือนกระจกแต่อากาศก็ไม่เหมาะสมกับการปลูกต้นไม้เลยสักนิดเดียว
หลังจากตรวจสอบดินที่มีอยู่ในสวนและในโกดังทั้งหมดพบว่าเป็นดินที่ดีทีเดียว แต่นอกจากเมล็ดปริศนาแล้วบนเกาะนี้ก็ไม่มีเมล็ดอื่นๆอีกเลย ความคิดที่ว่าจะปลูกดอกไม้อื่นแก้เหงาก็ต้องพับเก็บไปก่อน
ห้าวันแล้วหลังจากที่เซฮุนเริ่มทดลองปลูกเมล็ด และยังไม่มีวี่แววว่ากระถางไหนจะงอกออกมาเลย
“นี่ผมต้องทำยังไงกับพวกเธอดีนะ” เซฮุนพูดกับเหล่าเมล็ดที่วางเรียงกันอย่างสงบอยู่ในถัง
“เซฮุน เป็นยังไงบ้าง”
หลังจากต้อนฝูงสุนัขเข้าคอกเสร็จแล้ว แบคฮยอนจะแวะมานั่งคุยด้วยทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสัพเพเหระพอให้อีกฝ่ายได้คลายเหงา
“ยังไม่งอกเลยครับ ไม่มีวี่แววเลยด้วย”
“อย่าเพิ่งท้อสิ หน้ายุ่งไปหมดแล้ว”
“ครับ...แต่ผมไม่เคยปลูกอะไรแล้วไม่ขึ้นมาก่อนเลย ก็เลยผิดหวังนิดหน่อย”
“ได้ยินว่าเซฮุนเป็นคนมือเย็น ปลูกอะไรก็งอกงามนี่นา เจ้าเมล็ดอันนี้อาจจะต้องใช้เวลามากหน่อย ให้ความรักกับมันมากๆนะ”
“ผมจะพยายามครับ เพื่อพ่อด้วย”
เซฮุนกำเมล็ดไว้ในฝ่ามือ แล้วปล่อยให้มันร่วงหล่นออกมาตามร่องนิ้ว
“อันที่จริง... เซฮุนลองถามนายท่านดูสิ นายท่านน่ะรู้อะไรมากกว่าพวกเราเยอะ”
“แล้วถ้าเขาไม่บอกเพราะจะแกล้งผมล่ะ”
“ไม่หรอกน่า เห็นหน้าโหดๆแต่ความจริงท่านใจดีจะตายไป”
“แบคฮยอนเคยเห็นหน้าเขาด้วยเหรอครับ”
คราวนี้แบคฮยอนดูเหมือนจะรู้ตัวว่าพูดมากเกินไปแล้ว
“ทำไมเขาถึงต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาด้วยล่ะครับ หรือว่ามีแผลเป็นบนหน้า หรือว่า...”
แบคฮยอนรีบยกมือขึ้นปิดปากเซฮุนเพื่อห้ามไม่ให้พูดมากไปกว่านี้ ใบหน้าที่เคยขี้เล่นกลับดูจริงจังขึ้นมาจนน่ากลัว
“อย่าถามเรื่องนี้อีกนะเซฮุน”
-----
หลังจากผิดหวังมาครบสัปดาห์ เซฮุนตัดสินใจว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
เซฮุนจะได้พบกับไคเพียงแค่เวลาอาหารเย็นตอนหนึ่งทุ่มตรงเท่านั้น นอกจากเวลานี้แล้วเซฮุนก็ไม่เคยเห็นเขาที่อื่นอีกเลย ทั้งๆที่ชานยอลเคยบอกว่านายท่านไคของเขาแทบจะไม่ออกจากเกาะไปที่ไหน และอยู่ภายในบ้านตลอดเวลา
ระหว่างมื้ออาหารอันเงียบเชียบ เซฮุนเฝ้ารอจังหวะที่จะชวนอีกฝ่ายพูดคุยแต่กลับไม่กล้าสักที
“เรื่องปลูกต้นไม้ไปถึงไหนแล้ว”
เซฮุนสะดุ้งจนมีดที่ถืออยู่เกือบหล่นจากมือ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเริ่มต้นพูดขึ้นมาก่อน
“ยังไม่สำเร็จเลยครับ”
“ฉันไม่ได้มีเวลาให้เธอตลอดไปหรอกนะ หากหมดหน้าหนาวนี้แล้วยังปลูกไม่ได้แปลว่างานของเธอล้มเหลว”
“...อะไรนะครับ”
“ถึงเวลานั้นพ่อของเธอจะเป็นยังไงบ้างนะ”
“ทำไมคุณถึงใจร้ายแบบนี้...”
น้ำตาที่เฝ้าเก็บมานานไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หากเซฮุนต้องอยู่บนเกาะนี้ตลอดไป แล้วพ่อจะเป็นยังไง พี่ๆของเขาจะรู้เรื่องแล้วมาช่วยพ่อได้หรือไม่
“ใจร้ายอย่างนั้นเหรอ... ฮ่าๆ ใครกันแน่ พี่ๆของเธอพอรู้เรื่องพวกเขากลับดีใจด้วยซ้ำที่น้องชายที่เป็นภาระกับพ่อที่เป็นเจ้าชายนิทราหายออกไปจากชีวิตได้น่ะ”
“พวกเขารู้แล้วเหรอครับ ไม่จริงหรอก พี่ต้องไม่พูดอย่างนั้นแน่”
เซฮุนใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาออกลวกๆ ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเพื่อให้เขาถอดใจแน่ๆ
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นน้ำตาของเซฮุน ทุกอย่างรอบตัวกลับมาเงียบงันอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซฮุนเป็นฝ่ายลุกจากโต๊ะไปก่อนเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
“ครับ”
“ฉันแค่อยากบอกว่า ฉันไม่เคยพูดโกหก แต่หากความจริงมันทำให้เธอเสียใจฉันก็ต้องขอโทษด้วย”
เซฮุนถึงกับหน้าชาเมื่อได้ยินแบบนี้ น้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่มีความล้อเล่นเจือปนอยู่เลย
“ถ้าผมปลูกมันไม่สำเร็จ พ่อก็จะแย่ แล้วตัวผมเองก็ต้องอยู่ทำงานให้คุณบนเกาะนี้ตลอดไป...”
“ฉันอยากให้เธอทำสำเร็จ เพราะมันก็สำคัญกับฉันมากเช่นกัน”
เซฮุนเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ หน้ากากรูปเสือดำดูน่าเกรงขามเมื่อมองในระยะใกล้ ดวงตาสีดำสนิทที่ทอดมองลงมาแฝงแววประหลาดเสียจนเซฮุนต้องก้มหน้าหลบ เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากสูทเนื้อดีของอีกฝ่าย
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถาม เมล็ดที่คุณให้ผมปลูกคือต้นอะไรกันแน่ครับ แล้วมันต้องใช้อะไรพิเศษรึเปล่า แล้วถ้าต้นไม้โตขึ้นมาจริงๆคุณจะเอาไปทำอะไร”
“ให้มันโตขึ้นมาได้จริงก่อนเถอะ ถึงเวลานั้นเธอจะรู้เอง ส่วนเรื่องเมล็ด...คนที่ให้มันมาบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้มันงอกออกมาได้ก็คือ...”
“ความรัก”
-----
To be continued
PS.
ดูเหมือน comment จะจำกัดจำนวนคำนะคะ เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ copy ไว้ก่อน
เอาจริงๆ ณ จุดนี้เราก็ทำไม่เป็นซะด้วย ฮ่าาาา เม้นใน tag #ficfairytale ก็ได้นะคะ